หลังจากยื่นขอล้มละลายไปเมื่อปี 2018 ล่าสุด Toys “R” Us แบรนด์ของเล่นขวัญใจเด็ก ๆ ก็ได้ฤกษ์หวนคืนสมรภูมิค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ โดยทางค่ายเตรียมเปิดตัวแบบปูพรมในห้าง Macy’s กว่า 400 สาขา ด้านห้าง Macy’s ก็ตอบรับกับการจับมือดังกล่าวด้วยการโชว์ยอดขายสินค้าหมวดของเล่นว่าเติบโตขึ้น 15 เท่าในไตรมาส 1 ด้วยเช่นกัน
สำหรับกิจการของ Toys “R” Us ในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า เป็นชื่อที่สร้างความใจหายให้พ่อแม่ผู้ปกครอง รวมถึงเด็ก ๆ ในสหรัฐอเมริกาพอสมควรกับการยื่นแผนล้มละลายเมื่อปี 2017 – 2018 และมีการขายกิจการบางส่วนในตลาดเอเชีย แอฟริกา สหภาพยุโรป และแคนาดาออกไป ส่วนในตลาดสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลียนั้น ทาง Toys “R” Us ได้ทยอยปิดตัวร้านสาขาทั้งหมด
ขณะที่ร้านค้าออนไลน์ของ Toys “R” Us ก็ถูกเปลี่ยนมือไปมาหลายรอบ โดยมีชื่อของแบรนด์ดังในธุรกิจค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาจำนวนมากเข้ามารับหน้าที่ดูแลต่อ เช่น ห้าง Target หรือแม้แต่ทาง Amazon ก็เคยดูแลด้วยเช่นกัน
ชื่อของ Toys “R” Us เริ่มกลับมาอยู่บนหน้าสื่อของสหรัฐอเมริกาอีกครั้งเมื่อเดือนสิงหาคม 2021 เมื่อทาง WHP Global เจ้าของใหม่ ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า Toys “R” Us จะกลับมาเปิดตัวอีกครั้งในห้าง Macy’s กว่า 400 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา โดยพื้นที่ของร้านใหม่นั้น จะมีขนาดราว 1,000 ตารางฟุต (สำหรับร้านในห้างขนาดเล็ก) แต่ถ้าเป็นเฟล็กชิปสโตร์ เช่น สาขาในแอตแลนต้า, ชิคาโก้, ฮูสตัน, ลอสแองเจลลิส, ไมอามี่, นิวยอร์ก, ซานฟรานซิสโก แล้ว หน้าร้าน Toys “R” Us จะมีขนาดใหญ่แตะ 10,000 ตารางฟุตเลยทีเดียว ซึ่งทาง WHP Global บอกด้วยว่า จะมีกิจกรรมสร้างประสบการณ์ให้เด็ก ๆ รู้สึกสนุกสนานเมื่อเข้ามาในร้านด้วย เช่น มีมุมแนะนำของเล่นใหม่ ฯลฯ เป็นต้น
จับกลุ่มคุณแม่ยุคมิลเลนเนียล
กลยุทธ์การดึง Toys “R” Us เข้าห้างของ Macy’s ยังถูกมองว่าส่งผลดีต่อตัวห้าง เนื่องจากมีการสำรวจพบว่า คุณแม่ยุคมิลเลนเนียลที่เข้ามาเดินห้างเพื่อซื้อของเล่นให้ลูกนั้น ไม่ได้กลับบ้านกับของเล่นเด็กอย่างเดียว แต่พวกเธอมีแนวโน้มจะซื้อเครื่องสำอาง หรือเครื่องใช้ภายในบ้านอื่น ๆ กลับไปด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้ การประกาศผลประกอบการของห้าง Macy’s เมื่อไตรมาส 1 ของปี 2022 ยังพบการเติบโตในยอดขายสินค้าหมวดของเล่นถึง 15 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่จะมีการจับมือเป็นพันธมิตรกับ Toys “R” Us ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ห้าง Macy’s เองก็เจอความท้าทายในธุรกิจค้าปลีกไม่ต่างกัน เพราะมีรายงานว่า ยอดขายบางส่วนถูกห้างอย่าง Target และ Walmart แย่งชิงไป การมีสินค้าหมวดของเล่นเข้ามาทำให้ผลประกอบการน่าสนใจขึ้นก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ทั้งนี้ การจับมือกันยังทำให้ห้าง Macy’s ได้สิทธิดูแลร้านค้าออนไลน์ของ Toys “R” Us ด้วย
แม้ว่าการล้มละลายของ Toys “R” Us อาจไม่กระทบกับตลาดในเอเชียมากนัก แต่สำหรับเด็ก ๆ ในสหรัฐอเมริกาที่ได้เห็นร้านของเล่นที่ตัวเองคุ้นเคยต้องปิดตัวไปก็คงเป็นความทรงจำที่แย่พอสมควร และนั่นอาจทำให้วันที่พวกเขาได้เห็นว่าร้านในความทรงจำกลับมาเปิดตัวใหม่ น่าจะเป็นความรู้สึกที่ดี และห้าง Macy’s อาจกำลังได้รับอานิสงส์จากการจับมือครั้งนี้ไปอย่างไม่รู้ตัวก็เป็นได้