“ลิซ่า” ลลิษา มโนบาล สมาชิกวง BLACKPINK ศิลปิน K-pop ระดับโลก ได้รับความสนใจจากแบรนด์ต่างๆ ทั้งไทยและระดับโลกกว่า 100 แบรนด์ ติดต่อให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ และ Brand Ambassador
แต่มีไม่ถึง 10 แบรนด์ ที่ “ลิซ่า” เลือกเป็น Brand Ambassador โดยเป็นแบรนด์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง M.A.C Cosmetics, เครื่องประดับ BVLGARI, แบรนด์แฟชั่นหรู CELINE
รวมทั้ง “เดนทิสเต้” (DENTISTE) ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากแบรนด์ไทย ที่จำหน่ายใน 25 ประเทศทั่วโลก
ในปี 2564 “ลิซ่า” เป็น Brand Ambassador ให้กับเดนทิสเต้ เพื่อโปรโมทสินค้าใหม่ “DENTISTE Anticavity Max Fluoride” เป็นยาสีฟันชนิดแปรงแห้งและขยายฐานไปยังกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกมากขึ้น จากการโพสต์ยาสีฟันเดนทิสเต้ ผ่าน อินสตาแกรมของ “ลิซ่า” lalalalisa_m ที่มีผู้ติดตามกว่า 81 ล้านคน
“การได้ ลิซ่า มาเป็น Brand Ambassador ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ที่ ลิซ่า เลือก เดนทิสเต้ เพราะส่วนหนึ่งเป็นยาสีฟันที่ ลิซ่า ใช้อยู่แล้วก่อนมาเป็น Brand Ambassador” คุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เดสทิสเต้ กล่าว
ต่อสัญญาปี 2 ค่าตัวเพิ่มขึ้น “เท่าตัว”
เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เดนทิสเต้ กล่าวว่า “เป็นความโชคดีของ เดนทิสเต้ ที่ ลิซ่า เซ็นสัญญาเป็น Brand Ambassador ในปี 2564 ที่ตอนนั้น ลิซ่า ก็ดังทั่วโลกอยู่แล้ว มาปีนี้ BLACKPINK ออกอัลบั้มใหม่ Born Pink ตอนนี้ ลิซ่า ดังมากขึ้นกว่าเดิมอีก 10 เท่า ทำให้แบรนด์ เดนทิสเต้ เข้าถึง ชาว blink ทั่วโลก”
ปีที่ผ่านมาได้ ลิซ่า BLACKPINK มาเป็น Brand Ambassador ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ “เดนทิสเต้” เป็นอย่างมาก ทำให้ยอดขายเติบโตราว 15% แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้พบว่ายอดขายยาสีฟันในหลายประเทศเติบโตสูง อย่าง เกาหลีใต้ เดนทิสเต้เป็นแบรนด์สินค้าเพอร์ซันนอลแคร์ที่แข่งขันกับแบรนด์อินเตอร์ได้ อีกทั้งเป็นตลาดที่ทำยอดขายยาสีฟันได้มากกว่าไทยเท่าตัว
ปี 2565 เดนทิสเต้ ได้ต่อสัญญาใหม่กับ ลิซ่า BLACKPINK ให้เป็น Brand Ambassador เป็นปีที่2 แน่นอนว่าความดังที่เพิ่มขึ้นของ “ลิซ่า” ทำให้ค่าตัวปีนี้เพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อน
“ลิซ่า” ร่วม Fan Meet เดือน ก.พ. ปีหน้า
เดนทิสเต้ ได้เตรียมจัดกิจกรรมพิเศษ Exclusive Fan Meet ในประเทศไทย สำหรับการเป็น Brand Ambassador ของ “ลิซ่า BLACKPINK” 2 โปรเจกต์ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566
1. แคมเปญสนับสนุนเด็กไทยประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลก โดยมี “ลิซ่า” เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อให้เด็กไทย ที่มีความฝันเหมือน “ลิซ่า” ได้มาโชว์ความสามารถและกล้าที่จะออกตามหาความฝันของตัวเอง โดยจัดการประกวด ร้องเพลง /เต้น /เล่นดนตรี ที่สยามสแควร์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อคัดเลือก “ผู้ชนะ” ในแต่ละการประกวด ไปร่วม Fan Meet กับ “ลิซ่า” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยผู้ชนะยังได้รับรางวัลอื่นๆ ด้วย
2. กิจกรรม Meet & Greet LISA x DENTISTE’ พบ “ลิซ่า BLACKPINK” ในฐานะ Brand Ambassador ยาสีฟันสูตรใหม่ในกลุ่มไฮเอนด์ ที่จะเปิดตัวในปี 2566 โดยจัดเป็นรูปแบบ Exclusive Private Fan Meet งานนี้จัดขึ้นเพื่อแฟนๆ ของ DENTISTE’ โดยเฉพาะ
สำหรับกิจกรรมจะคัดเลือกแฟนคลับ “ลิซ่า” เข้าร่วมกิจกรรม 900 คน เช่น กลุ่มที่ซื้อสินค้าสูงสุด (top spender) รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ จากนั้นคัดเลือก 100 คน เพื่อมีโอกาสทำกิจกรรมและได้พบ “ลิซ่า BLACKPINK” รวมทั้ง ขอลายเซ็น ถ่ายรูป เล่นเกม พูดคุย
กิจกรรมที่ เดนทิสเต้ จะคัดเลือกผู้เข้าร่วมกิจกรรม Meet & Greet จะประกาศออกมาอีกครั้ง โดยกำลังรอ YG ต้นสังกัดอนุมัติอยู่
การได้ “ลิซ่า” มาร่วมงานอีกครั้ง เดนทิสเต้ตั้งเป้ายอดขายที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10% จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้นในตลาดโลก เพราะ “ลิซ่า” มีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก
ล่าสุด เดนทิสเต้ เตรียมขยายช่องทางการสั่งซื้อสินค้าในเว็บไซต์ Amazon ของอเมริกา ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ “No.1 Premium Niche in America” รวมถึงวางแผนตั้งสำนักงานที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เปิดตัวยาสีฟันผสมเพชรครั้งแรกในโลก
ปีหน้านอกจาก “ลิซ่า BLACKPINK” จะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม Meet & Greet LISA x DENTISTE’ ในเดือนกุมภาพันธ์ แล้ว
เดนทิสเต้ จะมีการออกผลิตภัณฑ์ภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ตลอดทั้งปี หนึ่งในไฮไลต์ คือ การเปิดตัว “ยาสีฟันเพชร” หรือ DENTISTE’ Diamond ที่มีส่วนผสมของเพชรจากเดอเบียร์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ฟันขาวขึ้น และถือเป็น”ครั้งแรกในโลก” ที่นำเพชรมาผสมในยาสีฟัน
สำหรับ “เดนทิสเต้ ไดมอนด์” จะมีขนาด 50 กรัม จำหน่ายราคาหลอดละ 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 36,000 บาท แต่ละหลอดจะใส่เพชรบดละเอียดขนาด 1.2 กะรัต ผลิตแบบจำกัดจำนวนผลิต 1,000 หลอด เปิดจำหน่ายผ่านเว็บไซต์เดนทิสเต้ ขายพร้อมกันทั่วโลก โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศล
การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในยาสีฟัน เดนทิสเต้ ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ เช่น ยาสีฟันชนิดแปรงแห้ง ปีหน้านอกจากมียาสีฟันผสมเพชร จะเปิดตัวยาสีฟันเม็ด ซึ่งสามารถควบคุมปริมาณฟลูออไรด์ในการใช้แต่ละครั้งได้ตามที่ทันตแพทย์ยอมรับและแนะนำ โดยจะแถมยาสีฟันเม็ดไปกับแปรงสีฟันเดนทิสเต้ทุกชิ้น แต่ละปีมียอดขายแปรง 1 ล้านชิ้น
ปัจจุบันเดนทิสเต้มีส่วนแบ่งการตลาด 7% ในตลาดรวมยาสีฟัน 30,000 ล้านบาท แต่ในกลุ่มพรีเมียมมีส่วนแบ่งในตลาด 85%
อ่านเพิ่มเติม