HomeSponsoredกองทรัสต์ WHAIR เติบโตต่อเนื่อง กับโอกาสในการลงทุนที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาของเขตการพัฒนาเศรษฐกิจ EEC

กองทรัสต์ WHAIR เติบโตต่อเนื่อง กับโอกาสในการลงทุนที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาของเขตการพัฒนาเศรษฐกิจ EEC

แชร์ :

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ในปี 2565 นี้เป็นปีที่ธุรกิจด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 นี้ ทาง WHA Group มีการตั้งเป้าหมายการขายที่ดินอุตสาหกรรมไว้ 1,250 ไร่ แต่สถานการณ์ดีกว่าที่คาดทำให้ทาง WHA Group สามารถขายที่ดินภายในนิคมอุตสาหกรรมได้มากกว่าเป้าหมาย และมีการปรับเป้าหมายการขายเป็น 1,650 ไร่ โดย WHA Group เป็นผู้นำในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย มีนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย 11 แห่ง และ 1 แห่งในประเทศเวียดนาม และ ยังมีแผนเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการขยายนิคมอุตสาหกรรมอีก 2-3 แห่งในช่วง 2 ปีข้างหน้า

โดยคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group มีสัดส่วนอุตสาหกรรมหลัก คือ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน โดยคิดเป็นสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 33 ของสัดส่วนลูกค้าทั้งหมด ตามมาด้วยอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภค และ อิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงที่ผ่านมา ทางนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group ได้รับเม็ดเงินลงทุนจากผู้ประกอบกิจการยานยนต์ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า หรือ Electronic Vehicle อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ทางบริษัท BYD ได้ลงนามเข้าซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group เพื่อลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ของบริษัท

WHAIR : กองทรัสต์โรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูป จิ๊กซอว์ธุรกิจ ที่เติบโตควบคู่ไปกับนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group

กอง WHAIR ก่อตั้งในปี 2559 และมีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยทรัพย์สินที่กอง WHAIR ลงทุนจะลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการของ WHA เป็นหลัก ซึ่งผู้เช่าจะทำการเช่าโรงงานและคลังสินค้าเพื่อผลิตสินค้าและให้บริการในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการของ WHA ที่มีคลัสเตอร์กลุ่มอุตสาหกรรมและ supply chain การผลิตอยู่จำนวนมาก หรือบางผู้เช่าทำการผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศ ทำให้โรงงานและคลังสินค้าเหล่านี้ มีความต้องการเช่าจากผู้เช่าอย่างต่อเนื่อง โดยทรัพย์สินในกองทรัสต์ WHAIR มีอัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 91% จึงบ่งชี้ถึงความต้องการในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปจึงเป็นอีกธุรกิจสำคัญ ที่เติมเต็มภาพธุรกิจให้ WHA Group เติบโตไปอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง

เขตพัฒนาเศรษฐกิจ EEC พื้นที่ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม new S Curve ของทางภาครัฐ

โดยพื้นที่ EEC หรือ โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก เรียกว่าเป็นความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุน และยังมีเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามา ทั้งยังครอบคลุมอุตสาหกรรม new S curve ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ จึงถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย

จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า EEC ได้รับอนุมัติเงินลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน (ปี 61-65) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,841,709 ล้านบาท โดยเป็นการใช้งบประมาณจากภาครัฐเพียง 5% ส่วนที่เหลือมาจากภาคเอกชนทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความ Popular ในสายตานักลงทุน นอกจากนี้ เป้าหมายการลงทุนใน EEC ช่วงปี 2566-2570 ยังสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจถึง 7-9% อีกด้วย นับได้ว่าเป็นโอกาสในการเติบโตอย่างแท้จริง

แล้วเรา…จะหาโอกาสจากพื้นที่นี้ได้อย่างไร?

WHAIR การลงทุนสินทรัพย์คุณภาพควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ EEC

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHA Industrial Leasehold Real Estate Investment Trust) หรือ “WHAIR” โดยก่อนหน้านี้ใครหลายคนรู้จักในนาม ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) ถือเป็นตัวเลือกที่ให้ผลตอบแทนดีในโซน EEC เนื่องจากกองทรัสต์มีการลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่า ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC สูงกว่า 90% อีกทั้งทรัพย์สินทั้งหมดของกอง WHAIR ยังตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมของ WHA Group ผู้ประกอบกิจการนิคมอุตสาหกรรมอันดับ 1 ในประเทศและเขต EEC จึงเรียกได้ว่า การลงทุนใน WHAIR เสมือนได้เข้าไปลงทุนในพื้นที่ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย เลยก็ว่าได้

ล่าสุด กองทรัสต์ WHAIR เดินหน้าลงทุนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group ในเขต EEC ในปีนี้

การลงทุนในปีนี้มีความน่าสนใจอย่างไร และจะเพิ่มความแข็งแรงให้กับกองอย่างไร?

1. ลงทุนกลางพื้นที่อุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญของไทย

อย่างที่ทราบกันดีว่ากองทรัสต์ WHAIR ลงทุนในทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงอย่างพื้นที่ EEC และตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง ซึ่งการเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นทำเลเดียวกับทรัพย์สินที่กองทรัสต์ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน โดยแบ่งเป็นพื้นที่ระยอง 52 % ชลบุรี 46% และปราจีนบุรีอีก 2% โดยอยู่ในพื้นที่ EEC ถึง 98% มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน

โดย 53% ของสัดส่วนพื้นที่ทรัพย์สินที่เข้าลงทุนเพิ่มเติม ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนจากศุลกากร ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวล้วนมีศักยภาพสูงในการจัดหาผู้เช่า และมีอัตราการเช่าอยู่ในระดับที่ดี สะท้อนจากผลการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอ โดยมี OR เฉลี่ยอยู่ที่ 91% (โดยคำนวณจาก OR รายไตรมาสเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ไตรมาสล่าสุด)

ทำเลที่ตั้งของทรัพย์สินที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ ย่อมมีผู้เช่าที่มีศักยภาพ และส่งผลให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับผลตอบแทนที่มีความมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว

2. กองทรัสต์ขนาดที่ใหญ่ขึ้น และมีการกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนที่มากขึ้นหลังการลงทุนเพิ่มเติม

การลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ เป็นการลงทุนในพื้นที่เช่าอาคารรวม 48,186 ตารางเมตร โดย WHAIR จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในอาคารโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าสำเร็จรูป จำนวนทั้งหมด 14 ยูนิต จาก 7 โครงการ ได้แก่

2.1 WHA Chonburi Industrial Estate (WHA CIE1) นิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 โรงงาน 1 ยูนิต 660 ตารางเมตร

2.2 WHA Seaboard Industrial Estate 1 (WHA ESIE1) นิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 โรงงาน 1 ยูนิต 3,760 ตารางเมตร

2.3 Eastern Seaboard Industrial Estate (ESIE) นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) โรงงาน 4 ยูนิต 10,720 ตารางเมตร

2.4 Hi-Tech Kabin Industrial Estate (KABIN) นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ โรงงาน 1 ยูนิต 1,152 ตารางเมตร

2.5 WHA Logistics Park 1 (WHA LP1) ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ พาร์ค 1 คลังสินค้า 2 ยูนิต 8,844 ตารางเมตร

2.6 WHA Logistics Park 2 (WHA LP2) ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ พาร์ค 1 คลังสินค้า 3 ยูนิต 12,623 ตารางเมตร

2.7 WHA Logistics Park 4 (WHA LP4) ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ พาร์ค 4 คลังสินค้า 2 ยูนิต 10,427 ตารางเมตร

ส่งผลให้ภายหลังจากการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4 กองทรัสต์ WHAIR จะมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 428,818 ตารางเมตร แบ่งตามสัดส่วนเป็น โรงงาน 66.8%และคลังสินค้า 33.2%

3. ผู้เช่ามีศักยภาพ กระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรม

กองทรัสต์ WHAIR ได้รับความไว้วางใจจากผู้เช่าหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งบริษัทชั้นนำในไทยและต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น Saffron Living ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำจากประเทศจีน, Vexcel Pack  (ชื่อเดิม Visy Packaging), Jelly Belly และ DHL ผู้ให้บริการในกลุ่มโลจิสติกส์ เป็นต้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้เช่ากระจายตัวไปในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอุปโภคบริโภค กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ โดยภายหลังจากการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4 หากแบ่งตามสัญชาติพบว่าผู้เช่าจีน ยังคงเป็นกลุ่มผู้เช่าหลักที่ครองสัดส่วนสูงถึง 36.8% นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าจากยุโรปที่มีมากถึง 20.4% และประเทศอื่นๆ รองลงมา ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา รวมถึงผู้เช่าในกลุ่มเอเชียอีกด้วย

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้เลยว่า กลุ่มลูกค้าหรือผู้เช่าของ WHAIR ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ที่น่าเชื่อถือ อยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย มีศักยภาพในการเติบโตทั้งสิ้น และหากผู้เช่าของกองเติบโตได้ดี มีการขยายธุรกิจในอนาคต ย่อมส่งผลดีต่อการเติบโตของกอง WHAIR เช่นกัน

4. ผลตอบแทนที่สูงขึ้น หลังลงทุนเพิ่มเติม

แม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจในภาพรวมหลายๆ ประเทศ จะกำลังเข้าสู่สภาวะถดถอย แต่ผลตอบแทนของกอง WHAIR กลับปรับตัวสูงขึ้นสวนกระแส โดยประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนของกองทรัสต์ WHAIR ปรับตัวสูงขึ้นหลังลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้มาอยู่ที่ 0.64 บาทต่อหน่วย อ้างอิงจากงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติสำหรับปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 สอบทานโดย ผู้สอบบัญชี  หากคิดบนราคาสูงสุดที่เสนอขายหน่วยทรัสต์เท่ากับ 7.20 บาทต่อหน่วย  คิดเป็นประมาณการผลตอบแทนถึง 8.9% สะท้อนให้เห็นว่า WHAIR สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง และยังสามารถจ่ายผลตอบแทนที่ดี ถือเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนที่มีความมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาวแม้ในยามเศรษฐกิจผันผวนก็ตาม

ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา กอง WHAIR ถือได้ว่า เป็นกองทรัสต์ที่ผู้ลงทุนจะได้ลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพและเติบโตควบคู่ไปกับคลัสเตอร์นิคมอุตสาหกรรม WHA และ การเติบโตในเขตเศรษฐกิจ EEC ที่มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของทำเลที่ตั้ง ฐานลูกค้าที่มีศักยภาพในหลากหลายอุตสาหกรรม และผลตอบแทนที่มั่นคง เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการช่วยบาลานซ์พอร์ตในยามเศรษฐกิจผันผวนได้ดี และมีโอกาสที่จะเติบโตควบคู่ไปกับการเติบโตของประเทศอย่างแท้จริง

และหากนักลงทุนรายย่อย/1,2 ท่านใดสนใจต้องการเพิ่มโอกาสในการลงทุนผ่านการเติบโตของ WHAIR สามารถจองซื้อได้ในช่วงเวลา และช่องทางดังนี้

– ผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิจองซื้อ: สามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 2, 6-9 ธันวาคม 2565

– ประชาชนทั่วไป: สามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคม 2565

หมายเหตุ:

1. การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่าย เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน

2. ผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ขอสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธการจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมในกรณีที่ผู้จองซื้อเป็นสัญชาติอื่นใดที่มิใช่สัญชาติไทย อย่างไรก็ดี รายชื่อสัญชาติของผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่ไม่ได้รับการเสนอขายหน่วยทรัสต์จะถูกประกาศผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนวันจองซื้อหน่วยทรัสต์

การจองซื้อสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvestและสาขาของธนาคารกสิกรไทย

หรือโทรสอบถามข้อมูลการจองซื้อเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทย โทร 02 888 8888 กด 819 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์ www.sec.or.th หรือ www.wha-ir.com

คำเตือน: ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน


แชร์ :

You may also like