เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ อนุญาตให้เจ้าของบัญชีบล็อกอุปกรณ์ที่ “ไม่ต้องการ” ออกจากแอคเคาน์ได้แล้วโดยไม่ต้องเปลี่ยนพาสเวิร์ด
เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Netflix เลยทีเดียวกับการเปิดตัวฟีเจอร์ Manage Access and Devices ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นได้ว่า ตอนนี้มีอุปกรณ์ใดบ้างที่เชื่อมต่อกับแอคเคาน์ของตนเองอยู่บ้าง และถ้าหากไม่ต้องการให้อุปกรณ์นั้น ๆ เชื่อมต่อกับแอคเคาน์ของเราอีกต่อไป ก็กดลบออกไปได้เลย โดยฟีเจอร์นี้จะอยู่ในส่วนของ Account Setting
Charles Wartemberg ผู้บริหารของ Netflix ในส่วนของ Product Innovation Group บอกว่า ฟีเจอร์นี้เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการมานาน โดยหลายคนเคยแชร์บัญชี Netflix กับคู่รัก และเมื่อเลิกรากันไป อดีตคู่รักเหล่านั้นก็ยังเข้าใช้บัญชี Netflix อยู่ การมีฟีเจอร์นี้ สามารถช่วยให้ฝ่ายที่เป็นเจ้าของแอคเคาน์ตัวจริง หรือก็คือคนที่จ่ายเงิน สามารถกดลบอุปกรณ์ของคนที่เลิกกันไปแล้วออกไปได้สะดวกมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนพาสเวิร์ดนั่นเอง
Netflix บอกด้วยว่า ฟีเจอร์นี้เปิดใช้พร้อมกันทั่วโลกแล้ว ทั้งบนเว็บไซต์, iOS และแอนดรอยด์
การมีฟีเจอร์นี้ออกมายังทำให้ Netflix มีโอกาสทำรายได้เพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต เพราะก่อนหน้านี้ สิ่งที่บริษัทกล่าวอยู่เสมอก็คือปัญหาการแชร์พาสเวิร์ดที่ทำให้บริษัทไม่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างที่ควรจะเป็น โดย Netflix คาดว่ามีการแชร์พาสเวิร์ดกันมากกว่า 100 ล้านครัวเรือนทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกา – แคนาดา) ที่คาดว่าจะมีการแชร์พาสเวิร์ดนี้มากกว่า 30 ล้านครัวเรือน และกลายเป็นรายจ่ายที่ Netflix ต้องแบกรับถึง 6 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว Netflix เคยมีการคิดเงินเพิ่มกับผู้ใช้งานในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น ละตินอเมริกามาบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนว่า คำแนะนำจากลูกค้าเรื่องฟีเจอร์ที่สามารถ “ดีด” อุปกรณ์ที่ไม่ต้องการออกจากบัญชีได้นี้จะมีประโยชน์ต่อบริษัทมากกว่า เพราะในอีกทางหนึ่ง เท่ากับว่าลูกค้ายอมรับแล้วว่ามีอุปกรณ์ใดบ้างที่เชื่อมต่อกับแอคเคาน์ของตนเอง และหากพบว่าไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกัน ทาง Netflix ก็มีโอกาสชาร์จเงินเพิ่มได้อีกด้วย