เมื่อพูดถึงชื่อของ “คุณเอ๋ นัครินทร์ CEO 360 innovation” คนส่วนใหญ่อาจจะจดจำผู้ชายคนนี้ในฐานะผู้บริหารมืออาชีพที่คร่ำหวอดในวงการ Digital Agency มากว่า 15 ปี โดยเฉพาะการวางกลยุทธ์ด้านการสื่อสาร (Marketing Communication) และการวางระบบหลังบ้านให้แก่แบรนด์ต่างๆ มามากมาย ซึ่งหลังจากโลดแล่นอยู่บนเส้นทางเอเยนซี่มายาวนาน ล่าสุดเขาได้ตัดสินใจกระโดดสู่ธุรกิจสัตว์เลี้ยงอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรก ด้วยการพัฒนา “แพลตฟอร์มสำหรับกลุ่มคนสัตว์เลี้ยง” เอาใจกลุ่ม Pet Lover
เพราะเหตุใด “คุณนัครินทร์” ถึงกล้าท้าชิงตลาดสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ตลาดนี้แข่งขันกันอย่างร้อนแรง และมีแบรนด์เข้ามาทำตลาดเป็นจำนวนมาก Brand Buffet พาไปหาคำตอบ พร้อมเจาะกลยุทธ์การปั้นธุรกิจให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้
ตลาดสัตว์เลี้ยง “โต” ไม่หยุด
เป็นที่รู้กันว่าตลาดคนเลี้ยงสัตว์ในไทยกำลังเติบโตขึ้นทุกปี ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ราว ๆ 4.45 หมื่นล้านบาท (อ้างอิง : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก 8.4% (CAGR) หรือ 66,748 ล้านบาท ในปี 2026 ถือเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับตลาดสัตว์เลี้ยงของโลกซึ่งมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2026 มีแนวโน้มจะสูงขึ้นราว 7.2% (CAGR) หรือแตะ 2.17 แสนล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว (อ้างอิง : Euromonitor)
นั่นก็เพราะเทรนด์ของการเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบัน มักเลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อน เป็นลูก และเลี้ยงเพื่อคลายเหงา ปัจจัยหลัก ๆ ที่เห็นได้เป็นรูปธรรมมากที่สุดคือในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่ามีธุรกิจสัตว์เลี้ยงหน้าใหม่เข้ามาลงเล่นในสนามกันมากขึ้นกว่า 50% ก่อนมีการระบาด
คุณศราวุธ ธิติศักดิ์สกุล หรือ อาจารย์แจ๊ค เจ้าของและผู้ก่อตั้ง Perfect Dog Thailand ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับการอาบน้ำ-ตัดขนสุนัข รวมถึงเปิดเป็นโรงเรียนสอนตัดขนสุนัข หนึ่งใน Partner ของทาง PetsPloy ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า
“ในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจโรงเรียนสอนตัดขนสุนัขโตขึ้น 2-3 เท่าและยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สาเหตุเพราะความนิยมของคนเลี้ยงสัตว์มีสูงขึ้น จึงเป็นโอกาสที่คนจะลงมาเล่นในตลาดนี้ และตลาดสัตว์เลี้ยงไม่ได้โตแค่เพียงในไทยเท่านั้น แต่ยังเติบโตขึ้นทั่วโลก จึงเป็นเหตุผลที่หลายคนมาเรียนที่นี่ แล้วนำไปต่อยอดทำงานหรือเปิดธุรกิจใหม่ในต่างประเทศ ที่สำคัญคนไทยมีฝีมือมากทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นและพร้อมจ่ายนั่นเอง”
ขณะที่ สัตวแพทย์หญิง อลิษา บ่อเงิน โรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอแอ๊นท์ อีกหนึ่งใน Partner ของ PetsPloy ได้ให้ข้อมูลการเติบโตในแง่ของธุรกิจว่า “ในช่วงการแพร่ระบาด 2-3 ปีที่ผ่านมา คนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะกระแสการทำงาน Work From Home ทำให้ทุกคนมีเวลาอยู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง การเลี้ยงหมาแมวจึงเข้ามาช่วยเพิ่มสีสันและคลายเหงาให้กับทุกคนในบ้าน ซึ่งที่โรงพยาบาลสัตว์หมอแอ๊นท์เอง เพิ่งเริ่มธุรกิจในปี 63 ซึ่งเป็นช่วงของโควิดพอดี แต่อัตราการเข้ารับการรักษาของสัตว์เลี้ยงรายใหม่กลับสูงถึงราว ๆ 3,500 เคสต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากทีเดียว”
จากกระแสคนนิยมเลี้ยงสัตว์ที่กำลังมาแรง ทำให้ในตลาดได้ถือกำเนิดธุรกิจและบริการใหม่ๆ ให้ผู้เลี้ยงสัตว์ได้มีตัวเลือกที่หลากหหลายมากขึ้น เช่น
- ธุรกิจอาหารสัตว์ ที่เน้นความพรีเมียมและออแกนิคให้คนรักสัตว์ได้เลือกสิ่งที่ดีและเหมาะกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขามากที่สุด
- ธุรกิจสถานพยาบาล ที่เน้นนวัตกรรมผสมผสานกับการบริการด้านอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้เลี้ยงมากยิ่งขึ้น เช่น จากเดิมที่เน้นรักษาอย่างเดียวแต่ปัจจุบันเพิ่มบริการอาบน้ำ-ตัดขน รับฝากเลี้ยง สระว่ายน้ำให้สัตว์เลี้ยงออกกำลังกาย เป็นต้น
- ห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ ที่ปรับตัวให้เป็น Pet Friendly กันมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีบางสถานที่ที่ชูเรื่อง Pet Friendly มาเป็นจุดขายหลัก
- ธุรกิจ Pet Café เมื่อก่อนอาจมีตัวเลือกเพียงไม่กี่เจ้าในตลาด แต่ในปัจจุบันเรามักพบเห็นธุรกิจประเภทนี้ได้อยู่ทั่วไป
- Dog Park ธุรกิจเปิดใหม่เอาใจสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ไม่เพียงแต่มนุษย์ที่อยากมีสังคม แต่สัตว์เลี้ยงก็ต้องการพื้นที่ที่เหมาะสมให้พวกเขาได้เล่นและทำกิจกรรมร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ เช่นกัน
- นวัตกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยง เมื่อคนเลี้ยงสัตว์รักสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก ทำให้ธุรกิจประเภทนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น จุดประสงค์ก็เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการมอบความสะดวกสบายให้กับสัตว์เลี้ยงของพวกเขามากที่สุด เช่น ห้องน้ำแมวอัจฉริยะ เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ ตู้เป่าขน เป็นต้น
- ธุรกิจคอนโดและที่อยู่อาศัยโครงการเปิดใหม่ เน้นจุดขายเลี้ยงสัตว์ได้ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบายและเลี้ยงสัตว์เพื่อแก้เหงา
- งานอีเวนต์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ในอดีตเราอาจต้องรอเป็นเดือนกว่าจะเจองานแสดงสินค้าหรืออีเวนต์ที่จัดขึ้นเพื่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ แต่ในปัจจุบันงานอีเวนต์เหล่านี้มีแทบจะทุกเดือนหรือแทบจะทุกสัปดาห์เลยก็ว่าได้ และไม่จำเป็นจะต้องเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าเท่านั้น แต่นิยมจัดในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านกันมากขึ้น สอดรับกับนโยบายของหลายๆ ห้างที่เน้นจุดขายความเป็น Pet Friendly กันมากขึ้นนั่นเอง
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นยังไม่นับรวมกับธุรกิจบริการสัตว์เลี้ยงที่มีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งปัจจุบันต้องปรับตัวกันครั้งใหญ่ เพราะมีคนลงมาเล่นในตลาดนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน จึงต้องหาจุดเด่น จุดแข็ง งัดกันออกมาสู้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้
จึงนับเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับคนรักสัตว์เพราะในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เริ่มยอมรับและเปิดรับกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น จากในอดีตสัตว์เลี้ยงมักจะอยู่แค่ที่บ้านเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเราสามารถพาสัตว์เลี้ยงไปทำกิจกรรมร่วมกันนอกบ้านกันได้อย่างสบายใจ
ในยุคที่ตลาดสัตว์เลี้ยงกำลังเติบโตและคึกคัก จึงทำให้ธุรกิจและบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เป็นตลาดดาวรุ่งที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาเล่นในสนามนี้ ซึ่งคุณเอ๋ นัครินทร์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น และบอกกับเราว่า…
“การลงมาเล่นตลาดสัตว์เลี้ยงในครั้งนี้คงไม่ได้เน้นธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเป็นพิเศษ หากแต่จะทำอย่างไรให้เราได้เป็นตัวเชื่อมระหว่างฝั่งธุรกิจสินค้าและบริการกับฝั่งผู้บริโภค เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและเป็นตัวเลือกมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดต้องง่ายและสะดวกสบายกับทั้ง 2 ฝ่าย เราอยากเป็น Hub ของตลาดสัตว์เลี้ยงที่เชื่อมทุกส่วนเข้าด้วย”
นับว่าน่าสนใจมากทีเดียว ซึ่งธุรกิจที่ว่านี้จะออกมาเป็นรูปแบบไหน คงต้องติดตามกันต่อไป
สำหรับท่านที่ทำธุรกิจ หรือบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ต้องการเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณมากยิ่งขึ้น สามารถลงทะเบียนร่วมเป็น Partner กับทาง PetsPloy ได้ที่ http://bit.ly/3OHbuX6
อ้างอิงข้อมูล
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
- Euromonitor
- PetsPloy