หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ เครือเซ็นทรัล รีเทลฯ ประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกแถวหน้าของภูมิภาค คือการมีความหลากหลายที่ครบวงจร คือ การมีกลุ่มธุรกิจและสินค้าที่หลากหลายครบครัน สำหรับการทำธุรกิจรีเทลในการสร้างการเติบโต
“เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป” หรือ cmg คืออีกบริษัทในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่เข้ามาเติมเต็มในส่วนของการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกกว่า 40 แบรนด์ ตั้งแต่กลุ่มแฟชั่น เดนิม ความงาม นาฬิกา รองเท้า เครื่องประดับ ของใช้ภายในบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ EMPORIO ARMANI, POLO RALPH LAUREN, HERMES BEAUTY AND PERFUME, CLARINS, CALVIN KLEIN,KIKO MILANO และ CASIO เป็นต้น โดยมีจุดขายสินค้ากว่า 2,000 แห่ง และพนักงานกว่า 3,500 คนทั่วประเทศ
กว่า 73 ปี ของการบริหารแบรนด์สินค้าชั้นนำมากมายระดับโลก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทาง cmg จะสร้างแบรนด์ให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาบนโลกแฟชั่น โดยสิ่งที่ Cmg เดินหน้าการทำตลาดมาตลอดคือ การปรับกลยุทธ์ บริการพอร์ตสินค้า ไปพร้อมๆกับการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะ “สินค้าไลฟ์สไต์ แฟชั่น” ความเคลื่อนไหว และเรื่องเทรนด์ที่ตอบโจทย์คือสิ่งสำคัญ
ล่าสุดจึงได้ทุ่มงบ 3,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจพร้อมทั้งรองรับแนวโน้มตลาดแฟชั่นที่กำลังเติบโตอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่แพลตฟอร์มออมนิแชแนลอย่างเต็มรูปแบบ ควบคู่ไปกับการเพิ่มช่องทางในการชำระเงินที่หลากหลาย และเปิดตัวแบรนด์สินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค ตอกย้ำความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งในธุรกิจแฟชั่นรีเทลของประเทศไทย
คุณเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “cmg ได้เติบโตคู่กับคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง จากการจัดหาแบรนด์สินค้าชั้นนำต่างๆ ที่ตอบรับกับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภค พร้อมยกระดับพอร์ตสินค้าทุกปีเพื่อให้สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยนไป โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ cmg ในด้านการบริหารแบรนด์สินค้าระดับโลก ทำให้เราสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้ามาได้อย่างยาวนาน จนทำให้ยอดขายในปี 2565 เติบโตพุ่งสูงขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับปี 2564″
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ cmg มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจและขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์การขยายตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมี 5 กลยุทธ์หลักเพื่อผลักดันการเติบโตในสิ้นปี 2566 นี้ที่ 20% ดังนี้
1.การสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือผ่านนวัตกรรมล้ำสมัย
- การนำเสนอนวัตกรรมที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับแบรนด์ต่างๆ ในพอร์ต อาทิ Casio G-Shock, Dyson, Fitflop, Clarins, Guess, Polo Ralph Lauren, Garmin และ MLB ให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ชื่นชอบของคนไทย
- สอดแทรกเรื่องความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าไปในแบรนด์ต่างๆ ในเครือ cmg เช่น การใช้พลาสติกรีไซเคิลผลิตเนื้อผ้าของแบรนด์ Lee และ Wrangler, การใช้เส้นใยไผ่ในการผลิตสินค้า G2000 และ Jockey, การใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลของสินค้า Body Shop เป็นต้น
- ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า ผ่านการนำเสนอสินค้าที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค อย่างเครื่องฟอกอากาศ Dyson ที่ช่วยทำให้คุณภาพอากาศในบ้านดียิ่งขึ้น หรือสมาร์ทวอทช์ Garmin ที่สามารถ track ข้อมูลด้านสุขภาพ ตอบโจทย์ลูกค้าสายเฮลท์ตี้ทุกคน
2.การยกระดับแพลตฟอร์ม Omnichannel
- เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงสินค้าแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ cmg จึงได้เร่งพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนล เพื่อเชื่อมทุก touch point ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีขึ้น ผ่านการเปิดตัว Official Website ของแบรนด์ Lee และ Wrangler เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้จำนวน Official Website ของแบรนด์ใน cmg เพิ่มขึ้นเป็น 8 เว็บไซต์
- นอกจากนี้ในปี 2565 cmg ยังได้เปิดหน้าร้านใหม่อีก 45 สาขา และเคาน์เตอร์อีก 138 จุดขายในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศไทย พร้อมวางแผนที่จะขยายร้านค้าอีกมากกว่า 150 สาขาจากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 1,800 สาขาอีกด้วย
3.การเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
- เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง cmg ได้ดึงแบรนด์ชั้นนำยอดนิยมระดับโลกเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น นำโดยแบรนด์ Armani Exchange และ Emporio Armani แบรนด์แฟชั่นระดับพรีเมียมของอิตาลี และ Hermès Beauty and Perfume แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศส
- ล่าสุดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา cmg ยังได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Skechers แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำสัญชาติอเมริกา โดยวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา และศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลพัฒนา
4.เพิ่มช่องทางในการชำระเงินที่หลากหลาย
- โดยได้เปิดตัวบริการ “ATOME ช้อปก่อน จ่ายที่หลัง” ในปี 2565 ซึ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจแรกในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่ริเริ่มบริการนี้ โดยปัจจุบันสามารถใช้จ่าย ATOME ได้แล้วถึง 22 แบรนด์ ณ ร้านค้ากว่า 300 สาขา
- นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวบริการที่ร่วมกับ Dolfin แอปพลิเคชั่น e-wallet ยอดนิยมของคนไทย ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าในทุกช่องทางได้อย่างง่ายดายด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิตอีกต่อไป ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ไปสู่สังคมไร้เงินสดกันอย่างเต็มรูปแบบ
5.การพัฒนาพนักงาน
- เพราะคน คือ หัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต และสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ cmg จึงมุ่งลงทุนในด้านการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดศักยภาพของพนักงานให้สามารถเติบโตอย่างมั่นคงไปกับองค์กร