คุณดิเรก ตยาคี Head of Technology Solution บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด
หากเอ่ยถึงมหกรรมด้านเทคโนโลยีที่โลกต้องจดจำ หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของงาน CES ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสหรัฐอเมริกา ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม แต่ที่พิเศษมากขึ้นก็คือ เป็นไปได้ว่า เทคโนโลยีที่จัดแสดงในมหกรรม CES 2023 อาจเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์บ้านเราในอนาคตอันใกล้ได้อีกด้วย
ผู้ที่เปิดเผยถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวคือคุณดิเรก ตยาคี Head of Technology Solution บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะหนึ่งในผู้เข้าร่วมงาน CES 2023 และมองว่า มีแผนจะนำหลาย ๆ เทคโนโลยีที่จัดแสดงในเวทีดังกล่าวมาปรับใช้กับธุรกิจของ SC Asset ด้วยเช่นกัน โดยเทคโนโลยีที่จัดแสดงในงาน CES 2023 และคุณดิเรก มองว่า ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค SC Asset ประกอบด้วย
- เทคโนโลยีรถ EV
- เทคโนโลยีเกี่ยวกับการนอน
- เทคโนโลยีเกี่ยวกับ Well-Being
- เทคโนโลยีเครือข่าย WiFi 7
- เทคโนโลยี Smart Panel สำหรับควบคุมบ้านอัจฉริยะ
- เทคโนโลยี Home entertainment
เปิดตัวอย่างเทคโนโลยีเพื่อ “บ้านอนาคต”
คุณดิเรกเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากงาน CES 2023
“เราได้เห็นเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ชีวิตในด้านต่าง ๆ มากขึ้น เช่น ทุกวันนี้ ผู้คนมีปัญหาเรื่องการนอน บางทีนอนแล้วปวดหลัง นอนไม่หลับ หรือตื่นมารู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งในจุดนี้ เทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยดูแลให้การนอนดีขึ้นได้ เช่น เราเห็นตัวอย่างฟูก IoT ที่สามารถปรับเตียงให้เข้ากับพฤติกรรมการนอนของคน ๆ นั้น หรือการใช้ AI ปรับสภาพแวดล้อมในการนอนให้เหมาะสมกับคน ๆ นั้นที่สุด เพื่อให้เขาหลับได้ลึกขึ้น”
เตียงจาก ANSSIL ที่นำมาจัดแสดงในงาน CES 2023 ใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการนอน
“สุขภาพก็เช่นกัน มีเทคโนโลยีที่สามารถสแกนปัสสาวะ โดยติดตั้งมากับโถสุขภัณฑ์ และบอกได้ว่า คน ๆ นั้นขาดสารอาหารอะไรบ้าง ต้องเสริมวิตามินตัวใด ฯลฯ นำมาจัดแสดงมากมายเต็มไปหมด”
“นอกจากนี้เรื่องของบรรยากาศในบ้านก็สำคัญ เราพบว่ามีบริษัทผู้พัฒนาระบบ Home Entertainment นำ AI มาประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ – หน้าจอทีวี และสามารถปรับไฟในบ้านให้อัตโนมัติ เช่น กรณีเจ้าของบ้านเล่นเกมอยู่ และโดนยิงในเกม ระบบ Home Entertainment ที่ใช้ AI ประมวลผลนี้ก็จะปรับไฟในบ้านให้ยิงแสงสีแดงออกมาเพิ่มความตื่นเต้น เป็นต้น”
Wi-Fi & Smart Panel สองคู่หู “บ้านยุคใหม่”
แต่เพื่อให้บ้านอัจฉริยะก้าวไปถึงจุดนั้น อีกสองชิ้นส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือเรื่องของระบบเครือข่ายไร้สายที่ช่วยให้บ้านสามารถรองรับอุปกรณ์ IoT ได้มากกว่าเดิม โดยปัจจุบัน มาตรฐานการสื่อสารไร้สายรุ่นล่าสุดที่มีการใช้งานกันก็คือ Wi-Fi 6 ซึ่งมีความเร็วสูง และสามารถรองรับอุปกรณ์ IoT ได้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดปัญหาความหน่วง (Latency)ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์บ้านอัจฉริยะอื่น ๆ เช่น การควบคุมแสงสว่าง การปิดเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า และการควบคุมอุณหภูมิในบ้าน
แต่สิ่งที่มีการนำมาจัดแสดงภายในงาน CES 2023 เพิ่มเติมก็คือเทคโนโลยี Wi-Fi 7 ซึ่งคาดว่าจะเข้ามามีบทบาทกับบ้านอัจฉริยะในยุคต่อไปด้วยนั่นเอง (ข้อมูลจาก Wi-Fi Alliance ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีไวไฟ (Wi-Fi) ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับฟีเจอร์และความสามารถของ Wi-Fi 7 ที่แน่ชัด โดยระบุแค่ว่า มีแผนว่าจะเปิดเผยมาตรฐาน Wi-Fi 7 ในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อประสิทธิภาพการสื่อสารที่ดีขึ้นกว่า Wi-Fi 6 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน)
คุณดิเรกเผยว่า เหตุที่วงการอสังหาริมทรัพย์ต้องให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐานเครือข่ายให้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง
“เฉพาะหลอดไฟ IoT ในบ้านอัจฉริยะหนึ่งหลัง บางทีก็มากถึง 50 ชิ้นแล้ว ซึ่งการจะทำให้บ้านอัจฉริยะหนึ่งหลังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพจริง ๆ ระบบเครือข่ายต้องสามารถรองรับอุปกรณ์ IoT ได้มากกว่านี้ โดยที่ยังสามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็วเช่นเดิม”
พบคนรุ่นใหม่ยังชอบ “กดปุ่ม”
อีกหนึ่งอินไซต์ที่ต้องมีในบ้านยุคใหม่ของ SC Asset ก็คือเรื่องของ Smart Panel หรือจอควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ภายในบ้าน ที่คุณดิเรกเผยว่าผู้บริโภค Gen Z ต้องการบ้านที่มี Smart Panel แบบกดปุ่มมากกว่าแบบสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน
“ในขณะที่เราซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีรู้สึกว่า สั่งการอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชันมันน่าจะทันสมัย แต่เราพบว่า 80 – 90% ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ซื้อบ้าน SC Asset เป็นคนที่ชอบ Smart Panel แบบมีปุ่มกด อาจเพราะความคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก เขาชอบกด เราก็เลยนำอินไซต์นี้มาพัฒนา Smart Panel ของบ้าน โดยเพิ่มความพิเศษให้ลูกค้าสามารถตั้งค่าปุ่มกดได้ว่า ถ้ากดไปแล้วต้องการให้บ้านทำอะไร”
รองรับรถ EV ความสำคัญของบ้านยุคใหม่
และเทรนด์สุดท้ายที่คุณดิเรกมองว่าจะเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตอย่าง รถ EV ที่บ้านยุคใหม่ต้องพร้อมที่จะรองรับ และทำให้บ้านเป็นจุดจอดรถ EV ที่ปลอดภัย โดยทั้งหมดนี้ ก็เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเจเนอเรชั่นใหม่ที่ต้องการให้ชีวิตสะดวกสบาย และปลอดภัยมากขึ้นจากการใช้งานเทคโนโลยีนั่นเอง
แน่นอนว่าความก้าวหน้าที่เราได้เห็นจาก CES 2023 จะต้องมาถึงเมืองไทยในสักวัน แต่การมีทีมงานจริง ในธุรกิจจริง เดินทางไปด้วยตัวเอง ก็อาจมั่นใจได้ว่า ความก้าวหน้าต่าง ๆ ที่เราได้เห็นนี้ อาจจะเกิดขึ้นจริงในโครงการของ SC Asset ในอนาคตอันใกล้ก็เป็นได้