“เนสท์เล่” Nestle ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ดำเนินธุรกิจในเมืองไทยมากว่า 130 ปี มีสินค้าในหลากหลายธุรกิจครอบคลุมกว่า 25-30 แบรนด์ จาก 400 รายการ จนก้าวเข้าสู่หนึ่งในผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเมืองไทยอย่างครบวงจร
จวบจนปัจจุบันเนสท์เล่ ยังคงเดินหน้าลงทุนในไทยอย่างรอบด้าน ด้วยกรอบการลงทุนในปี 2566 เนสท์เล่ได้เตรียมงบประมาณการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในโรงงาน จำนวนประมาณ 6,500 ล้านบาท ในการขยายสายการผลิตของหน่วยธุรกิจเนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ (Purina Pet Care) ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี
โดยจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นถึง 50% โดยกำลังการผลิตหลักๆ แบ่งออกเป็น ในประเทศ มากกว่า 95% ส่งออกไปยังต่างประเทศ 5% และลงทุนในด้านธุรกิจและการตลาด จำนวนประมาณ 3,500 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวตามเป้าหมาย หลังในปี 2565 ที่ผ่านมา เนสท์เล่เติบโตอยู่ที่ 3.5-4 % เมื่อเทียบกับปี 2564 นับเป็นการเติบโตที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับสถานการณ์การระบาดของโควิดและปัจจัยแวดล้อมภายนอก
นอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว อีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่เนสท์เล่ ให้ความสำคัญคือการสานต่อปรัชญาการทำงาน Good food, Good life หรืออาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เดินหน้าเปิดสองกลยุทธ์หลักครบรอบ 130 ปีในประเทศไทย ชูกลยุทธ์ “ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค” สานต่อความมุ่งมั่นในเรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี และกลยุทธ์ “ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา” เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืน
คุณวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นในการสร้างคุณค่าร่วมกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสังคมไทย ตลอดจนยึดมั่นต่อเจตนารมณ์ในการเปิดพลังแห่งอาหาร เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้ และในอนาคต”
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเนสท์เล่และการสร้างคุณค่าให้กับสังคมไทยตลอด 130 ปี
กว่า 130 ปี ที่เนสท์เล่ได้สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับสังคมไทยตามหลักการ ESG ทุกมิติ ซึ่งได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยมุ่งเน้นการปกป้อง และฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อมภายใต้แผนงานด้านความยั่งยืน Net Zero 2050 ด้วยการนําเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและมีรสชาติที่อร่อย ปัจจุบัน เนสท์เล่มีผลิตภัณฑ์ 100 รายการที่ได้รับการรับรอง สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice Logo) ผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็กของเนสท์เล่ทั้งหมด 100% ยังมีการเสริมแร่ธาตุและวิตามิน เพื่อช่วยป้องกันการขาดสารอาหารในเด็กวัยหัดเดินและเด็กเล็ก รวมทั้งยังได้ดำเนินโครงการให้ความรู้ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแก่ประชาชนคนไทยมาหลายทศวรรษ
นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทยผ่านการสร้างงาน โดยเนสท์เล่ประเทศไทยมีพนักงานราว 4,000 คน และทำให้เกิดการจ้างงานทางอ้อมอื่น ๆ อีกกว่า 10,000 ตำแหน่งจากพันธมิตรทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยกว่า 13,600 ล้านบาทในการเปิดโรงงานใหม่ 2 แห่งในไทยในช่วงปี 2018 -2022 อีกทั้ง ยังมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยหลายชนิดไปนานาประเทศ โดยมีแนวทางในการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสูงสุดตลอดห่วงโซ่คุณค่า
เทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปขับเคลื่อนทิศทางการดำเนินธุรกิจเนสท์เล่ปี 2023
เมื่อเราก้าวสู่โลกยุคหลังโควิด-19 ผู้บริโภคนอกจากจะมีการบริโภคนอกบ้านมากขึ้น และเกิดการบริโภคจากความอยากซื้อทันทีโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนแล้ว นายวิคเตอร์ยังได้เปิดเผยถึงเทรนด์ผู้บริโภคระยะกลางถึงระยะยาวจากการวิจัยล่าสุด ซึ่งพบว่า คนไทยหันมาใส่ใจกับการรับประทานอาหารอย่างสมดุล หรือ Balanced Diet และการมีไลฟ์สไตล์ที่รักษ์โลกมากขึ้น
ปัจจุบัน ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยการเติมเต็มชีวิตในด้านสังคมและจิตใจ ซึ่งหมายถึง การรับประทานอาหารอย่างสมดุล และทำให้สุขภาพดีขึ้น ซึ่งผู้บริโภคปรับสมดุลการบริโภคโดยเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น แต่ยังคงรับประทานของหวานหรือขนมที่สร้างความสุขสุนทรีย์เล็ก ๆ น้อยๆ ให้กับจิตใจ ที่สำคัญคือ ผู้บริโภคจะไม่ประนีประนอมเรื่องรสชาติ คือทุกอย่างต้องมีรสชาติอร่อยเท่านั้น
ขณะที่ผู้บริโภคที่มีอายุมากกว่า 45 ปี เริ่มตระหนักถึงความยั่งยืนมากขึ้น คนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี ก็ต้องการสนับสนุนแบรนด์ที่มีแนวทางด้านความยั่งยืน และคาดหวังมากขึ้นว่า แบรนด์จะทําหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมีความโปร่งใสมากขึ้น สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์รักษ์โลก ผู้บริโภคใส่ใจว่า ผลิตภัณฑ์มีที่มาจากไหนและผลิตมาอย่างไร ทุกวันนี้ คนไทย 62% ระบุว่า ได้นําแนวการบริโภคอย่างยั่งยืนมาใช้ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
โดยในปีนี้และในอนาคตข้างหน้า เนสท์เล่จะเน้นสองกลยุทธ์หลักคือการขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) ที่จะสานต่อความมุ่งมั่นของเราในเรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมรสชาติที่อร่อย และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) เพื่อให้มั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์และการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืน ทั้ง 2 กลยุทธ์สำคัญนี้จะช่วยให้เราสามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในการรับประทานอาหารอย่างสมดุล ด้วยทางเลือกที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้
ควบคู่กับการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อให้เป็นตัวเลือกที่ “ดีต่อสุขภาพ” ให้กับผู้บริโภค เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ลดน้ำตาล ลดโซเดียม การเสริมวิตามินและแร่ธาตุ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพืชให้เป็นตัวเลือกสําหรับผู้บริโภค เช่น ผลิตภัณฑ์แบรนด์ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ ในรูปแบบขายปลีก โดยมีกิจกรรมหลัก ได้แก่ เนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง กิจกรรมให้ความรู้เรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีในพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมเรื่องการจัดการขยะและให้ความรู้เกี่ยวกับการรีไซเคิล โดยตั้งเป้าในการเข้าถึงผู้บริโภค 300,000 คนใน 130 ชุมชนทั่วประเทศ และ โครงการสาสุขอุ่นใจ โดยร่วมมือกับกรมอนามัย เพื่อขับเคลื่อน 130 ชุมชนทั่วประเทศสร้างสุขนิสัยในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
เดินหน้ากลยุทธ์ “ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา” เพื่อให้มั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์และการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืน
ขณะเดียวกันเนสท์เล่จะดำเนินสองโครงการใหม่เพื่อช่วยให้ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ซึ่งโครงการแรกเป็นการต่อยอดความสําเร็จของโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำที่อยุธยา โดยขยายไปสู่โครงการใหม่ในการพิทักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำหนองทุ่งทองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำของโรงเรียนและชุมชนโดยรอบพื้นที่ชุ่มน้ำริมแม่น้ำตาปี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานสุราษฎร์ธานี ที่ใช้ผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่
นอกจากนี้ เนสท์เล่ในประเทศไทย ยังได้จับมือกับ PUR Projet ในการปลูกต้นไม้ 800,000 ต้นในไร่กาแฟที่จังหวัดระนองและชุมพร โดยมีเป้าหมายเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ประมาณ 200,000 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ระดับโลกในการลดคาร์บอนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050