แคนนอน (Canon) เปิดภาพรวมตลาดพรินเตอร์ไทยหลังวิกฤติซัพพลายเชนผ่านพ้น คาดการณ์ปี 2023 กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยมาจากการใช้งานเพิ่มของภาคธุรกิจ – หน่วยงานภาครัฐ ขณะที่การใช้งานในตลาดโฮมยูสมีแนวโน้มลดลง เตรียมปรับกลยุทธ์ใหม่ เพิ่มพาร์ทเนอร์ – จัดออฟฟิศโรดโชว์ – เปิดตัว Vending Machine ขายหมึกอัตโนมัติ อำนวยความสะดวกลูกค้าให้เข้าถึงหมึกพิมพ์ และ Accessories ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
เป็นธุรกิจที่เผชิญความท้าทายไม่น้อยในช่วงวิกฤติโรคระบาด โดยเฉพาะปัญหาด้านซัพพลายเชนที่ทำให้แบรนด์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลาย ๆ ราย ไม่สามารถทำรายได้ได้มากนักแม้จะมีความต้องการพุ่งสูงจากเทรนด์ Work From Home
อย่างไรก็ดี วิกฤติดังกล่าวได้ผ่านพ้นไปแล้ว และทางบริษัทแคนนอนได้ออกมาเผยถึงตลาดในยุคหลัง Covid-19 ที่มีแนวโน้มเติบโตอีกครั้งจากการลงทุนของภาคเอกชน (เช่น ธุรกิจ SME ที่ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระบุว่า เติบโตขึ้นจาก 58,058 รายในปี 2021 เป็น 72,480 รายในปี 2022) รวมถึงการลงทุนเพิ่มของหน่วยงานภาครัฐ โดยคุณฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เผยว่า ในปี 2022 แคนนอนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดพรินเตอร์ได้ 32% จากยอดขายทั้งหมด 8.4 แสนเครื่อง (อ้างอิงตัวเลขจาก IDC) และในปีนี้ (2023) คาดว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตอีก 5 – 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
“เพิ่มพาร์ทเนอร์” กลยุทธ์ชิงส่วนแบ่งตลาดพรินเตอร์ 2023
สำหรับแนวทางในการเติบโตนั้น คุณโนริฮิโระ คาตางิริ รองประธานอาวุโส บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เผยว่า มาจาก 4 แนวทาง นั่นคือการเน้นที่การเพิ่มพาร์ทเนอร์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะพาร์ทเนอร์ที่สามารถทำตลาดหน่วยงานภาครัฐ – เอกชนได้ และการทำ Office Roadshow เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการไปยังกลุ่มเป้าหมาย
ในแง่ของตัวสินค้า คุณเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้ง อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เผยว่า ได้มีการจัดแบ่งกลุ่มสินค้าสำหรับจัดจำหน่ายในปีนี้ไว้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าแบบ Mini Ink สำหรับกลุ่ม B2C (การใช้งานตามบ้าน ร้านออนไลน์ขนาดเล็ก ที่เน้นราคาไม่แพง และไม่มีการพิมพ์มากนัก)
กลุ่มที่สองคือกลุ่ม Business Ink Tank สำหรับธุรกิจ SME หรือโฮมออฟฟิศ กลุ่มที่สามคือเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ Full Range ที่ทางแบรนด์เปิดตัวมากถึง 13 รุ่นสำหรับตอบโจทย์ธุรกิจทุกขนาด (ตั้งแต่ระดับ SME ไปจนถึงระดับองค์กร โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล หรือหน่วยงานภาครัฐ) และสุดท้ายคือกลุ่ม Desktop Large Format สำหรับงานพิมพ์หน้ากว้างที่บริษัทพบว่ามีความต้องการมากขึ้นเช่นกัน (ตลาดรวมในปี 2022 มียอดขายอยู่ที่ 1,200 เครื่อง และปี 2023 คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มเป็น 1,400 เครื่อง ซึ่งทางแคนนอนมีการตั้งเป้ายอดขายในตลาดนี้ไว้ที่ 500 เครื่อง)
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเพิ่มศูนย์บริการจากเดิมที่มีอยู่ 164 แห่งให้เป็น 180 แห่งภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานสินค้าด้วย
เปิดตัว Vending Machine ขายหมึก – Accessories
นอกจากกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตในตลาดพรินเตอร์แล้ว ทางแคนนอนยังมีการนำตู้อัตโนมัติสำหรับจำหน่ายหมึกพิมพ์ – Accessories ต่าง ๆ มาจัดแสดงด้วย โดยทางผู้บริหารเผยว่าตู้ดังกล่าวเป็นเพียงการทดลองของทางแบรนด์ที่ต้องการทดลองตลาดด้วยแนวทางใหม่ ๆ เพิ่มเติม แต่ไม่ได้ต้องการจะลงมาขายหมึกพิมพ์แข่งกับพาร์ทเนอร์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่า การมีตู้จำหน่ายหมึกพิมพ์อัตโนมัติจะตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีกว่า โดยเฉพาะกรณีที่หมึกพิมพ์หมดกระทันหัน เพราะถึงแม้จะสั่งออนไลน์ ก็ไม่สามารถมาส่งได้ในทันที แต่การมีตู้อัตโนมัติ ลูกค้าสามารถมากดเลือกหมึกพิมพ์รุ่นที่ต้องการ และสแกน QR Code เพื่อจ่ายเงินค่าสินค้าและรับสินค้าไปได้เลยทันที ซึ่งถือว่าสะดวกกว่ามาก
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในปี 2023 ทางแคนนอนจะทดสอบตลาดด้วยการนำตู้ดังกล่าวไปตั้งตามจุดต่าง ๆ ราว 10 แห่ง โดยอาจพิจารณาจากยอดขายของพรินเตอร์ร่วมด้วย ว่ามีกระจายอยู่ในพื้นที่ใดบ้าง (เช่น หากมีการขายให้กับบริษัทเอกชน x เป็นจำนวนมาก ก็อาจนำตู้จำหน่ายหมึกไปตั้งในอาคารของบริษัท x เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นต้น) นอกจากนั้น ในกรณีที่ลูกค้าใช้ตลับหมึกหมดแล้ว ทางแบรนด์ก็จะตั้งกล่องรับตลับหมึกกลับไปรีไซเคิลด้วยเช่นกัน