ทรูมันนี่ (TrueMoney) ประกาศดึง “ลิซ่า BLACKPINK” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ พร้อมเผยเป้าใหญ่ เป็นซูเปอร์แอปด้านการเงิน และมียอดผู้ใช้งานในไทยแตะ 35 ล้านบัญชีภายในสิ้นปี 2023 (จากปัจจุบันมียอดผู้ใช้งาน 27 ล้านบัญชีในไทย และ 50 ล้านบัญชีในระดับภูมิภาค) ประกาศเดินหน้าทำกำไรจากบริการทางการเงิน (Financial Service) แตะ 50% ภายในปี 2025
การประกาศเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ครั้งนี้ของทรูมันนี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ศิลปินระดับโลก และเป็นแคมเปญใหญ่ในรอบ 10 ปีของ TrueMoney ด้วย โดยผู้บริหารทรูมันนี่ คุณมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เผยว่า ต้องการให้ลิซ่าสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่เพื่อดึงให้เข้ามาใช้งาน รวมถึงกลุ่มลูกค้าเดิมเกี่ยวกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ของแอปพลิเคชัน เช่น การออมเงิน การใช้จ่าย ตลอดจนการลงทุน ซึ่งหลาย ๆ ส่วนยังเป็นสิ่งที่คนไทยจำนวนมากเข้าไม่ถึง หรือมีการใช้งานน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็น
คนไทยออมน้อยกว่าเพื่อนบ้าน
ข้อมูลที่ผู้บริหาร TrueMoney เปิดเผยเพิ่มเติมคือ สถิติการฝากเงินของคนไทย ที่ 87.8% มีเงินในบัญชีไม่ถึง 50,000 บาท ขณะที่สถิติด้านการลงทุนพบว่า ไทยมีนักลงทุนอยู่ 3 ล้านคน หรือคิดเป็น 4.2% ของจำนวนประชากร ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในระดับภูมิภาคเช่นกัน
“เราต้องการให้ลิซ่ามาช่วยสร้างการรับรู้ว่าแอปพลิเคชัน TrueMoney มีบริการที่มากกว่าการใช้จ่าย และช่วยสร้างการรับรู้ในบริการทางการเงินอื่น ๆ (เช่น บริการด้านการออม การลงทุน และสินเชื่อ)”
ทั้งนี้ ในภาพรวมของแอปพลิเคชัน คุณมนสินีเผยว่า
- ยอดเฉลี่ยการใช้จ่ายต่อเดือนของผู้ใช้งาน TrueMoney อยู่ที่ 3,000 – 4,000 บาท
- สถิติการเติมเงินเข้าแอปพลิเคชันของผู้ใช้งานทั่วไปอยู่ที่ 3 – 4 ครั้งต่อเดือน โดยทางแอปพลิเคชันจะมีการคิดค่าบริการในกรณีที่ผู้ใช้งานบางรายเติมเงินมากผิดปกติ (เนื่องจากเป็นพฤติกรรมต้องสงสัยว่าอาจใช้ TrueMoney เป็น Gateway ในการโอนเงิน)
- Downtime ของแอปพลิเคชันอยู่ที่ 1 ชั่วโมงต่อปี (ข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าต้องไม่เกิน 4 ชั่วโมงต่อปี)
จับมือเกียรตินาคิน เปิดบัญชีเงินฝาก 2.5 ล้านบัญชี
นอกจากนั้น TrueMoney ยังเผยด้วยว่าบริษัทมีบัญชีเงินฝากภายใต้การให้บริการของแอปพลิเคชันแล้ว 2.5 ล้านบัญชี โดยมีเงินในบัญชีเฉลี่ยบัญชีละ 15,000 บาท
สำหรับบริการเปิดบัญชีเงินฝากนี้เป็นการจับมือกับธนาคารเกียรตินาคิน โดยคุณมนสินีเผยว่า การเปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวใช้เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนของ TrueMoney ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น 7-Eleven ซึ่งช่วยให้ธนาคารเกียรตินาคินประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้เป็นจำนวนมาก และไม่ต้องเปิดสาขาเพิ่มอีกด้วย
ขณะที่บริการ Pay Next (สินเชื่อขนาดย่อยสำหรับลูกค้า TrueMoney) พบว่ามีลูกค้า 1.2 ล้านราย โดยส่วนใหญ่เป็นการยืมเงินไปซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-eleven หรือ Lotus และมียอดหนี้เป็นหลักร้อย ส่วนยอดหนี้เสียไม่มีการเปิดเผย โดยบอกเพียงว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
เปลี่ยนโฉมแอป TrueMoney
นอกจากนั้น ทางแบรนด์ยังมีการปรับโฉมโลโก้ รวมถึง CI ของแอปพลิเคชันให้รับกับแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ด้วย โดยคุณอนัณทินี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า หลังจากปรับโลโก้ และ CI ไปเมื่อช่วงค่ำคืนวันที่ 24 พฤษภาคม แฟนคลับของลิซ่า BLACKPINK ได้ร่วมกันแชร์คอนเทนต์ดังกล่าวจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์กันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ การให้ลิซ่า BLACKPINK เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ TrueMoney นั้น ผู้บริหารมองว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการก้าวตามความฝันของตนเอง อีกทั้งลิซ่ายังเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีความโดดเด่น น่ารักเป็นกันเอง และครองใจคนทั่วโลก จึงเหมาะสมในการเป็นตัวแทนของแบรนด์ โดยจะเริ่มต้นในประเทศไทยก่อน ส่วนประเทศอื่น ๆ อาจมีการขยายเพิ่มเติมในอนาคต (เนื่องจากมีแอปพลิเคชันทางการเงินบางรายในต่างประเทศมีการใช้ลิซ่าเป็นพรีเซนเตอร์เช่นกัน)
อย่างไรก็ดี ผู้บริหาร TrueMoney ไม่เปิดเผยงบด้านการตลาดในการแต่งตั้งลิซ่า BLACKPINK แต่อย่างใด
ขยายบริการต่างแดน สแกนจ่ายได้แล้วที่ “เกาหลี – ญี่ปุ่น – จีน”
อีกหนึ่งบริการที่เพิ่มเติมขึ้นมาสำหรับ TrueMoney คือการเพิ่มจุดใช้จ่าย โดยปัจจุบัน ผู้บริหาร TrueMoney เผยว่า สามารถสแกนจ่ายได้มากกว่า 7 ล้านจุดทั่วประเทศไทย ส่วนในต่างประเทศก็สามารถสแกนได้แล้วกว่า 40 ประเทศ รวมถึงประเทศที่คนไทยให้ความสนใจเดินทางท่องเที่ยวอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย (จีนแผ่นดินใหญ่จะเริ่มใช้งานได้ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2023 โดยสามารถสแกนจ่ายได้ที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Alipay หรือ TrueMoney ประมาณ 5 ล้านจุดทั่วประเทศ)
ในส่วนของการใช้งาน ผู้ใช้แอป TrueMoney สามารถเติมเงินบาทลงในแอปพลิเคชัน และเมื่อต้องการสแกนเพื่อจ่ายเงินในต่างประเทศ ระบบจะทำการแปลงค่าเงินบาทเป็นเงินสกุลต่างประเทศนั้น ๆ ให้โดยอัตโนมัติ โดยคุณมนสินีเผยว่า เรทที่ให้ในแอปพลิเคชันเป็นเรทที่ถูกกว่าบัตรเครดิต
เจาะอินไซต์คนไทย เกรงใจลูกหนี้
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่คุณณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด เผยว่าน่าสนใจก็คือฟีเจอร์ Transfer หรือบริการโอนเงินที่สามารถเพิ่มการแจ้งเตือนลูกหนี้ให้จ่ายเงินคืนเจ้าหนี้ได้ด้วย
“เราพบอินไซต์ว่า คนไทยเวลาให้คนอื่นยืมเงินมักจะเกรงใจ ไม่กล้าทวง เราเลยพัฒนาระบบแจ้งเตือนขึ้นมา โดยระบบจะช่วยเรียกเก็บเงินแทนผู้ใช้ (สามารถตั้งเวลาในการทวงได้) เพื่อช่วยเจ้าหนี้ที่ไม่กล้าทวง”
นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์อย่าง Recurring Manager ที่พัฒนาขึ้นเพื่อป็นผู้ช่วยในการจัดการรายจ่ายประจำต่าง ๆ เช่น ค่าสมาชิกรายเดือน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ เงินบริจาค หรือแม้แต่การตัดเงินในบัญชีเพื่อไปเก็บออมเป็นประจำทุกเดือนรวมอยู่ในแอปพลิเคชัน TrueMoney ในวันนี้ด้วย
คาดทำกำไรจาก Financial Service แตะ 50% ภายในปี 2025
ทั้งนี้ คุณมนสินีได้กล่าวถึงภาพรวมในอนาคตของ TrueMoney ด้วยว่ามีแผนจะ IPO ให้เร็วที่สุด แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเมื่อไร และในอีกสองปีข้างหน้า TrueMoney คาดว่าจะมีกำไรจาก Financial Service ประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งหมด (จากปัจจุบันที่กำไรใน Financial Service อยู่ที่ 10% ของกำไรทั้งหมด) โดยเป้าหมายของบริษัทในปี 2025 คือการที่คนไทย 50% ใช้แอปพลิเคชัน TrueMoney เป็นประจำทุกเดือน (ปัจจุบัน ยอด Monthly Active Users อยู่ที่ 17 ล้านคน) ซึ่งนอกจากให้บริการในไทยแล้ว TrueMoney ยังให้บริการในอีก 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย