ความต้องการของผู้บริโภค ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่อยู่อาศัยและการวางกลยุทธ์การตลาดในปัจจุบัน เพราะผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการอยู่อาศัยคอนโดของผู้บริโภคยุคนี้เปลี่ยนไป ไม่ได้มองแค่เรื่องทำเลที่เดินทางสะดวก และดีไซน์ที่แตกต่างเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้จริง
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของไทยที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและศึกษาพฤติกรรมลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และนำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยโครงการต่างๆ ให้สอดรับกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย และล่าสุดกับการเปิดตัวโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ (The Forestias Signature Series) ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่คิดและออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชอบอยู่อาศัยในคอนโดขนาดใหญ่
ออกแบบจากความเข้าใจลูกค้า
ที่มาที่ไปของโครงการนี้เริ่มต้นมาจากการที่ MQDC ได้ศึกษาไลฟ์สไตล์ของลูกค้า จนพบและเข้าใจว่าผู้อยู่อาศัยคอนโดส่วนใหญ่ต้องการคอนโดที่มีพื้นที่กว้างมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังมีความต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ MQDC จึงนำเอาความต้องการเหล่านี้มาพัฒนาจนเกิดเป็น เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ซึ่งเป็นคอนโดขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 140 ตารางเมตร ไปจนถึง 350 และห้องแบบเพนท์เฮาส์ขนาด 917 ตารางเมตร มีความสูง 44 ชั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่ 398 ไร่ของโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.7 หนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งยังเป็นที่ตั้งของวิลล่าสุดหรู ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ ในประเทศไทยอีกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น คุณยุทธนา ตันติยานนท์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มงานการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ MQDC ยังบอกว่า ห้องพักอาศัยโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ยังมีจุดเด่นพิเศษ คือ ครอบคลุมด้วยพื้นที่ป่าขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ใจกลางเดอะ ฟอเรสเทียส์ และเชื่อมโดยตรงกับทางเดินยกระดับที่ทอดยาวเหนือผืนป่า รวมถึงสวนส่วนตัว สนามหญ้าอเนกประสงค์ ระเบียงชายป่า และบ้านต้นไม้ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
ตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัว
สำหรับตัวอาคารออกแบบโดย Foster และPartners ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยเป็นพิเศษ จึงสร้างโถงทางเดินและบันไดสำหรับงานบำรุงรักษาในจุดต่างๆ เพื่อช่วยให้ช่างสามารถเข้าบริการหรือดูแลรักษางานระบบอาคาร โดยเฉพาะงานท่อหลักได้โดยไม่ต้องเข้าไปในห้องพักอาศัย ทั้งยังสามารถบำรุงรักษาอาคารให้ได้มาตรฐานระดับพรีเมียมอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รบกวนพื้นที่ส่วนรวมที่ลูกบ้านใช้ประจำ
ขณะเดียวกัน การออกแบบพื้นที่ภายในยังมีความเป็นสัดส่วน โดยแยกพื้นที่ที่ผู้ช่วยดูแลบ้านต้องใช้ เช่น พื้นที่ห้องครัวไทย และห้องพักของผู้ช่วยดูแลบ้าน ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย พร้อมกันนี้ ทุกยูนิตยังมีล็อบบี้ลิฟต์ส่วนตัวอีกด้วย อีกทั้งยังได้ออกแบบโถงล็อบบี้ส่วนตัวสำหรับผู้อยู่อาศัย ซึ่งแยกเป็นสัดเป็นส่วนกับล็อบบี้หลักของอาคาร
ทั้งนี้ที่พักอาศัยโครงการ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ มีกำหนดก่อสร้างเสร็จภายในสิ้นปี 2568 โดยตั้งอยู่ใกล้กับโฮเต็ล อินดิโก้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะเข้ามาเติมเต็มความใกล้ชิดธรรมชาติของซิกเนเจอร์ ซีรีส์ มากขึ้น พร้อมกับมีทางเดินเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างอาคารที่พักอาศัยและอาคารโรงแรม ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 37 ล้านบาทสำหรับยูนิตขนาด 2 ห้องนอน และราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาทสำหรับยูนิตขนาด 3 ห้องนอน
สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 1265 หรือสามารถเข้าชมโครงการในรูปแบบ Virtual Reality พร้อมรับรายละเอียดโครงการได้ในงาน The Forestias Story and Beyond ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน วันที่ 10-11 มิถุนายนนี้ และผู้ที่จองเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ 30 ยูนิตแรก ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 จะได้รับสิทธิพิเศษราคา VVIP ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2.5 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในการใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่โฮเต็ล อินดิโก้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ มูลค่าสูงสุดถึง 500,000 บาท
