TechnoGym ประเทศไทยตอกย้ำความเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่ง” ด้านอุปกรณ์ และเครื่องออกกำลังกายระดับโลกประกาศรุกขยายฐานทุกแนวรบครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ – ซอฟต์แวร์ เจาะกลุ่ม B2B, B2C รับเทรนด์ “รักษ์สุขภาพ” มาแรง ชูกลยุทธ์ Customized เน้นตอบโจทย์การออกกำลังกายที่หลากหลาย และมีความเฉพาะตัวมากขึ้น พร้อมเปิดตัว TechnoGym Run ลู่วิ่งไฟฟ้าที่ปฏิวัติวงการจัดเต็มทั้งเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในโลก ผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายแบบ Cardio และ Power ในเครื่องเดียว อัดแน่นด้วยฟังก์ชันการใช้งานครบครัน
ขยายฐานทุกแนวรบ
นายสุรเชษฐ์ อมรรัตนเวช กรรมการบริหาร TechnoGym ประเทศไทย เปิดเผยแนวทางกลยุทธ์ของปี 2566 ว่า “ในฐานะที่ TechnoGym เป็นแบรนด์ผู้นำตลาดอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายชั้นนำระดับโลกจากประเทศอิตาลีที่ผสมผสานนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการออกกำลังกายและสุขภาพเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมการออกแบบอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายสไตล์อิตาเลียน รวมทั้งมีคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย เพื่อตอบสนองเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สำหรับทิศทางกลยุทธ์ของ TechnoGym จึงเน้นการขยายฐานเพื่อการเติบโตทั้ง “แนวลึก – แนวกว้าง” ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์” ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาอุปกรณ์และนวัตกรรมการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ๆ ตลอดจนมุ่งขยายฐานลูกค้าอย่างครอบคลุม และเข้าถึงได้ง่ายทั้งกลุ่ม B2B, B2C รับเทรนด์ “รักษ์สุขภาพ” ที่กำลังมาแรง”
เปิดตัวนวัตกรรมลู่วิ่ง TechnoGym Run
สำหรับการขยายฐานทางด้านฮาร์ดแวร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 นี้ นาย สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า “บริษัทได้เปิดตัว TechnoGym Run ลู่วิ่งไฟฟ้าที่ปฏิวัติวงการที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในโลก สามารถใช้งานได้หลายฟังก์ชั่น โดยรวบรวมการออกกำลังกายอย่างหลากหลายไว้ในลู่วิ่งเครื่องเดียว ได้แก่ การวิ่ง การฝึกพละกำลัง (Power Training) การฝึกแบบกลุ่ม (Bootcamp เน้นท่าออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงด้าน เพื่อลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วนและเสริมสร้างความแข็งแรง) ไว้ ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละเซ็กเมนต์ที่มีความต้องการแตกต่างกัน และเทรนด์ของตลาดที่มีความหลากหลายได้มากขึ้น”
นอกจากนี้ TechnoGym Run ยังมีหน้าจอคอนโซลขนาด 27 นิ้วที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกประสบการณ์การวิ่งที่ต้องการได้จากโปรแกรมและโหมดการฝึกที่หลากหลาย ได้แก่ Cardio, Strength หรือ High-Intensity จากโปรแกรมออกกำลังกายบน TechnoGym Live ตามที่ผู้ใช้งานต้องการ เช่น Trainer-Led Sessions, Routines ที่ปรับการออกกำลังกายได้ตามเป้าหมาย และ Virtual Outdoor ที่จำลองการออกกำลังกายแบบเสมือนจริง สามารถปรับความเร็วและความชันได้ตามเส้นทางที่ผู้ใช้งานเลือก พร้อมทั้งเสิร์ฟความบันเทิงไม่รู้จบ อาทิ Netflix, YouTube, TV, โซเชียลมีเดีย ฯลฯ จาก TechnoGym Live และที่ตัวคอนโซลยังมีโปรแกรมสำหรับออกกำลังกายที่สามารถใช้งานร่วมกับ TechnoGym Bench เพื่อผลลัพธ์การออกกำลังกายที่ดีที่สุดอีกด้วย
โดดเด่นทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์
ทั้งนี้ นาย สุรเชษฐ์ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงความโดดเด่นของแบรนด์ TechnoGym ว่า นอกจากการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้านอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายระดับโลกแล้ว TechnoGym ยังเป็น “แบรนด์ผู้นำเทรนด์ตลาด” (Trendsetter Brand) ให้อยู่ในกระแสเสมอ อีกทั้งเป็นแบรนด์ที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายหลากหลายที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม โดดเด่นทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถติดตามและเข้าถึงคอนเทนต์การฝึกการออกกำลังกายตามเป้าหมายได้จากหน้าจอคอนโซล TechnoGym Live ที่ทางแบรนด์ได้อัพเดทอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำให้เครื่องออกกำลังกายของ TechnoGym เพียงหนึ่งเครื่องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
“เนื่องจากนักวิ่งแต่ละคนต่างมีเป้าหมายและความต้องการแตกต่างกัน อาทิ การวิ่งเพื่อต้องการจะรักษาความฟิต การวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก การวิ่งเพื่อการพัฒนาศักยภาพของตนเองให้ดีขึ้น ฯลฯ นอกจากนี้ แต่ละครอบครัว สมาชิกผู้ใช้งานก็มีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน อาทิ ผู้ใช้งานที่เป็นผู้ฝึกวิ่งในระยะเริ่มต้น ไปจนถึงผู้ใช้งานที่เป็นนักวิ่งที่ต้องการฝึกซ้อมเพื่อการแข่งมาราธอนและไตรกีฬา ดังนั้น จากการทำความเข้าใจกับความต้องการของผู้ใช้งาน (Insight) ทำให้ TechnoGym ออกแบบผลิตภัณฑ์ลู่วิ่งไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ” นายสุรเชษฐ์กล่าว
รุกทั้ง B2B, B2C – เน้น Customized
จากปัจจุบันที่กลุ่มลูกค้าของ TechnoGym ประกอบด้วย 1) กลุ่ม B2B เจาะตลาดกลุ่มโรงแรม, ที่อยู่อาศัย อาทิ คอนโด หมู่บ้านจัดสรร, โรงพยาบาลและ Wellness Center, บริษัท สำนักงาน, สถานศึกษา, และฟิตเนส และ 2) กลุ่ม B2C เจาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายใช้ในบ้านและมีสัดส่วน 60-70% ของพอร์ตโฟลิโอ ทั้งนี้ นายสุรเชษฐ์เปิดเผยเพิ่มเติมถึงทิศทางของตลาด B2B และ B2C ว่า
“ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่หันมารักษ์สุขภาพมากขึ้น และเปลี่ยนทัศนคติจากเดิมที่คิดว่าการมีอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายในบ้าน (Home Gym) ต้องเป็นกลุ่มที่มีบ้านที่มีบริเวณและเป็นลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์เท่านั้นมาเป็นกลุ่มลูกค้ารักษ์สุขภาพที่ปรับพื้นที่ในบ้าน อาทิ ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องที่ไม่ได้ใช้งาน ฯลฯ หรือรีโนเวทบ้าน เพื่อติดตั้ง Home Gym และถือเป็นแนวโน้มตลาดที่เกิดขึ้นและเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับกลุ่ม B2C
ขณะที่กลุ่ม B2B ธุรกิจต่างๆ ก็ปรับตัวให้สอดรับกับเทรนด์รักษ์สุขภาพมากขึ้น อาทิ โรงแรมหรือคอนโดจะมีฟิตเนสมากกว่า 1 จุด เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้พักอาศัยเข้าถึงการออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น โดยอาจมี Fitness Studio ขนาดเล็กให้ลูกค้าหรือผู้พักอาศัยสามารถจองใช้งานแบบส่วนตัว หรือจัดคลาสออกกำลังกายเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือในส่วนธุรกิจฟิตเนสเองก็มีการออกแบบโปรแกรมที่เป็นส่วนตัว (Personalized) ให้กับสมาชิกมากขึ้น หรือบริการจองพื้นที่แล้วเข้ามาใช้บริการได้แบบ Private Gym สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เช่น การออกกำลังกายกับเพื่อน กับครอบครัว ฯลฯ”
นอกจากนี้ นายสุรเชษฐ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัทฯ มีบริการที่ปรึกษาที่พร้อมนำเสนอโซลูชั่นผ่านกลยุทธ์ Customized โดยทีมออกแบบและทีมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เหมาะสมและตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่ม B2B และ B2C โดยโฟกัสทั้งในแง่การดูแล และการส่งมอบประสบการณ์ที่ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่จะได้รับ และตั้งเป้าให้เป็นแบรนด์ที่ลูกค้านึกถึงเป็นอันดับแรกทางด้านคุณภาพและการบริการที่ตอบโจทย์ เมื่อลูกค้าต้องการเลือกซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ่มเติม และแนวโน้มตลาดปัจจุบันเราพบว่า ลูกค้าเข้ามาติดต่อกับเราตั้งแต่เนิ่นๆ และในระยะต้นๆ มาก”
รูปแบบการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
“ปัจจุบันสาขาของ TechnoGym ในประเทศไทยมี 2 สาขา และ 2 รูปแบบ โดยสาขาเอกมัยจะเป็นการผสมผสานระหว่าง Boutique และ Experience Center ตอบโจทย์ทั้งลูกค้า B2B และ B2C โดยจำลองประสบการณ์ต่างๆ ที่ผู้ใช้งานจะได้รับจากการออกกำลังกายในสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม, ฟิตเนส, สปอร์ตคลับ, เวลเนสเซ็นเตอร์ (Wellness Center) เพื่อให้ลูกค้าสามารถทดลองใช้เครื่องได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี จะเป็น Boutique ที่มีการตกแต่งที่สวยงาม เน้นตอบโจทย์ลูกค้า B2C โดยวางไอเท็มหลักที่ลูกค้ามักเลือกไว้ใน Home Gym ที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด
นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 2567 TechnoGym ยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะเป็นการผสมผสานระหว่าง Boutique และ Experience Center ไว้ในที่เดียว ขณะเดียวกัน ก็จะเน้นจัด Pop-up Event ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ” นายสุรเชษฐ์กล่าว