ในยุคที่ทั้งโลกกำลังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน “พลาสติก” อาจกลายเป็นผู้ร้ายที่ถูกมองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ “โลกป่วย” และเริ่มเห็นการรณรงค์ให้ลด ละ หรือแม้กระทั่งหลาย ๆ ประเทศเริ่มขับเคลื่อนให้มีการยกเลิกการผลิตและการใช้พลาสติก โดยเฉพาะกลุ่มใช้แล้วทิ้งหรือ Single-use Plastic เพราะเชื่อว่าอาจเป็นหนทางที่ช่วยให้โลกหายป่วยได้
แต่ในความเป็นจริง “พลาสติกกับความยั่งยืน” ไม่จำเป็นต้องเดินสวนทางกันแบบเส้นขนานเสมอไป ที่สำคัญพลาสติกยังถือว่าเป็นหนึ่งในวัสดุที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ด้วย เพราะหากลองจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีพลาสติกเลย ก็น่าจะสร้างความ “อยู่ยาก” ให้ผู้คนบนโลกมากขึ้นไปอีก เพราะในบางมุมพลาสติกอาจกลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยปกป้องชีวิตและสุขภาพของผู้คน เช่น ในช่วงวิกฤตโรคระบาด พลาสติกคือส่วนหนึ่งของชุดอุปกรณ์ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย ชุด PPE รวมทั้งถุงน้ำเกลือ และอุปกรณ์การแพทย์ต่าง ๆ หรือในบางครั้งยังเป็นสัญลักษณ์สะท้อนการพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำหน้าของยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยียานยนต์ รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ เป็นต้น
HMC Polymers สะท้อนภาพ “พลาสติกกับความยั่งยืน”
ปัญหาที่ทำให้หลายคนมองภาพว่า “พลาสติกคือผู้ร้าย” เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลกร้อน หรือโลกป่วยนั้น อาจจะมาจากความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการหลังจากนำพลาสติกไปใช้งาน และไม่สามารถจัดเก็บหรือทำลายอย่างเป็นระบบจนทำให้มีการหลุดรอดปนเปื้อนไปสู่สิ่งแวดล้อม และด้วยคุณสมบัติเด่นในเรื่องของความทนทาน จึงทำให้มีการตกค้างอยู่เป็นเวลานาน ภาพลักษณ์ของพลาสติกจึงกลายเป็นต้นตอของการสร้างมลพิษให้สิ่งแวดล้อม เนื่องจากการมองผ่านมุมที่อาจจะเห็นปัญหาจากเพียงปลายทางเท่านั้น
HMC Polymers ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีน หรือ PP รายแรกและใหญ่ที่สุดของไทย รวมทั้งยังเป็นผู้นำระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะผู้อยู่ในอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก PP มากว่า 40 ปี จึงมีความมุ่งมั่นในการสร้างความตระหนัก พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืน เพื่อต้องการมีส่วนในการช่วยปรับ Mindset ของผู้คน ว่าแท้ที่จริง “พลาสติกและความยั่งยืน” สามารถพัฒนาให้เดินไปด้วยกันได้เช่นกัน
โดยเฉพาะการพัฒนาตามแนวทางการขับเคลื่อนความยั่งยืนของ HMC Polymers เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมพลาสติกสามารถสร้างเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันได้ หรือสามารถเติบโตได้ตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) พร้อมทั้งได้วางกรอบการขับเคลื่อน HMC Polymers Sustainability Framework โดยโฟกัสกลยุทธ์ 3C เพื่อให้สามารถบูรณาการการพัฒนาผ่าน 3 เสาหลัก ซึ่งประกอบไปด้วย
– Carbon Neutrality : เป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อให้กระบวนการต่าง ๆ ในธุรกิจสามารถสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน ลดอุปกรณ์และเพิ่มกิจกรรมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือลดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินท์ให้น้อยลงทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นแหล่งพลังงาน กระบวนการผลิต ผ่านแนวทางในการบริหารจัดการและปรับปรุงเทคโนโลยีภายใน รวมทั้งการบริหารจัดการด้านการขนส่ง และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น
– Connectivity : การเชื่อมโยงธุรกิจให้มีส่วนช่วยเหลือดูแลผู้คนและสังคมโดยรอบ เพื่อนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งจากมิติของการศึกษา การส่งเสริมสภาพแวดล้อมในชุมชน วิถีชีวิต รวมถึงการเข้าไปมีส่วนช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนให้ดีขึ้นได้ ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ อาทิ การร่วมมือกับคู่ค้าคิดค้นและผลิตชุดคลุมป้องกันระดับ 3 และเตียงสนาม ซึ่งผลิตจากเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ ที่ช่วยแบ่งเบาความเดือดร้อนของผู้คนในช่วงการระบาดของโควิด -19 ได้
– Circularity : การส่งเสริมและสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดปริมาณสะสมของพลาสติกใช้แล้ว รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ทั้งในรูปแบบของการพัฒนาและวิจัยเพื่อยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เอื้อต่อการนำกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิล 100% การทดลองนำพลาสติกใช้แล้วกลับมาผลิตเป็นเม็ดรีไซเคิลคุณภาพเยี่ยม หรือการจัดกิจกรรมหรือแคมเปญต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้เกี่ยวกับการรีไซเคิลและอัพไซเคิลให้ดีขึ้นได้อย่างเป็นระบบ ดังเช่นแพลตฟอร์ม PP Reborn ชุบชีวิต PP กับ HMC Polymers เป็นต้น
สร้างระบบนิเวศ ต่อจิ๊กซอว์ให้พลาสติกได้เกิดใหม่
จากที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่เพียงแค่การวางเป้าหมายและกรอบการขับเคลื่อนที่ชัดเจน เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเท่านั้น แต่ HMC Polymers ยังให้ความสำคัญกับต่อจิ๊กซอว์เพื่อเติมเต็มให้ทั้ง Ecosystem สามารถขับเคลื่อนได้ตามแผนที่วางไว้ และสามารถบริหารจัดการพลาสติก PP ได้อย่างครบวงจร ทำให้สามารถเข้าไปช่วยแก้ปัญหาพลาสติกใช้แล้วสะสมได้ตั้งแต่ต้นทาง ทั้งในรูปแบบของการพัฒนาเม็ดพลาสติกที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมทั้งการสร้างสรรค์แคมเปญเพื่อมีส่วนช่วยสนับสนุนการเก็บขยะพลาสติกกลับเข้าสู่ระบบ เพิ่มความสามารถในการนำพลาสติก PP กลับมารีไซเคิลหรืออัพไซเคิลได้เพิ่มขึ้น ทำให้โอกาสที่พลาสติกใช้แล้วเหล่านี้ตกค้างในธรรมชาติลดน้อยลงเช่นเดียวกัน
โดยบทบาทของ HMC Polymers ได้เข้าไปเชื่อมโยงทั้งในรูปแบบของการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนมาตั้งแต่ต้นทาง หรือมีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากขึ้น ด้วยการพัฒนาร่วมกับผู้ถือหุ้นหลักอย่าง LyondellBasell หรือ LYB เพื่อพัฒนาเม็ดพลาสติก PP รักษ์โลก หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การปรับโครงสร้างพลาสติกให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้การผลิตสามารถใช้เนื้อพลาสติกในปริมาณเที่ลดลง หรือการ Down gauging material ซึ่งเหมาะสำหรับการนำไปผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานหลากหลายดีไซน์ รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรม Mono Material ซึ่งเป็นการพัฒนาพลาสติกเนื้อเดี่ยวสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์มต่าง ๆ ที่ก่อนหน้ามักจะประกอบด้วยเนื้อพลาสติกหลายชั้นและแต่ละชั้นมักจะเป็นพลาสติกคนละประเภท แต่ HMC Polymers ได้พัฒนาเม็ดพลาสติก PP ที่สามารถทดแทนคุณสมบัติในแต่ละชั้นได้โดยที่ทั้งชิ้นงานใช้เม็ดพลาสติก PP ทั้งหมด จึงง่ายต่อการนำไปรีไซเคิลได้มากกว่า
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาเม็ดพลาสติก PP ชีวภาพ (Biobased PP) ที่ผลิตขึ้นจากทรัพยากรที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ส่งผลให้ปริมาณคาร์บอนฟุตพรินท์ที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตให้ลดลงได้เมื่อเทียบกับการผลิต PP แบบเดิมไปได้พร้อมกันด้วย
สำหรับบทบาทในการช่วยสนับสนุนการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว เพื่อเพิ่มความสามารถของการรีไซเคิลและอัพไซเคิลภายในวงจรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น ได้มีการขับเคลื่อนผ่านแคมเปญ PP Reborn ชุบชีวิต PP กับ HMC Polymers ด้วยการพยายามเพิ่มจำนวนจุด Drop point เพื่อให้เก็บบรรจุภัณฑ์พลาสติก PP ใช้แล้วเข้าสู่ระบบได้มากขึ้น โดยจะมีการประสานงานร่วมกับพันธมิตรในการนำเข้าสู่กระบวนการในการรีไซเคิลหรืออัพไซเคิล เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ได้ใหม่ต่อไป เป็นการช่วยชุบชีวิตเปลี่ยนขยะให้กลับกลายไปเป็นทรัพยากรหรือวัตถุดิบต้นทางได้ใหม่อีกครั้ง และยังลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่รวมทั้งลดการใช้พลังงานและมีการสร้างคาร์บอนฟุตพรินท์โดยรวมที่น้อยลงอีกด้วย
เห็นได้ว่าการวางกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนของ HMC Polymers นั้น นอกจากสร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้แล้ว ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแรงให้ชุมชนและสังคมที่อยู่โดยรอบ รวมทั้งได้เข้าไปมีส่วนช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ทั้งในมิติของการพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่รักษ์โลกมากขึ้น พร้อมทั้งได้ช่วยแก้ปัญหาพลาสติกตกค้างในสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทางอีกทางหนึ่ง ซึ่งอาจช่วยลบภาพจำเดิม ๆ ที่เคยมองว่าพลาสติกเป็นผู้ร้าย
แต่พลาสติกที่มาพร้อมนวัตกรรมนั้นเป็นผู้ช่วยในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เพียงต้องเน้นย้ำ ปลูกฝัง และสร้างความตระหนักรู้เรื่องการจัดการพลาสติกในสังคมให้เพิ่มมากขึ้น จะเห็นชัดเจนได้ว่า “พลาสติกกับความยั่งยืน” สามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างแท้จริง