ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในโจทย์ใหญ่ของแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมานานคือ ภาพลักษณ์แบรนด์อาจดูล้าสมัยในสายตาคนรุ่นใหม่ ยิ่งอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันเข้มข้น มีทั้งผู้เล่นรายเก่า รายใหม่ที่มีความทันสมัยกว่าเข้ามาท้าชิง อาจส่งผลให้แบรนด์ไม่ได้อยู่ในการจดจำของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นหลายแบรนด์ที่อยู่มานานมีการปรับตัว ด้วยการงัดกลยุทธ์ต่างๆ มาสร้างความแปลกใหม่เพื่อพลิกแบรนด์ให้ดูสดใหม่เข้ากับยุคสมัย และยังคงอยู่ในการจดจำของผู้บริโภคทุกกลุ่มเสมอ
ดังเช่นกรณีศึกษาแบรนด์ Interior Textile สัญชาติไทยอย่าง “VICHITR” (วิจิตร) หรือหลายคนอาจจะคุ้นเคยในนามของ VC Fabric หรือ วิจิตรการม่าน ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ VICHITR อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย VICHITR ได้เข้าสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 2524 แม้จะเป็นที่รู้จักอย่างดีในกลุ่มดีลเลอร์และดีไซน์เนอร์ แต่หากไปถามกลุ่มคนรุ่นใหม่อาจยังไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก นี่จึงกลายเป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้ “VICHITR” ต้องการขยายการรับรู้ไปสู่คนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยกลยุทธ์ที่เลือกใช้ในครั้งนี้คือ การจับมือกับ “เดอะ คอมมอนส์” (theCOMMONS) นำผลิตภัณฑ์ Interior Textile เข้าไปตกแต่งในคอมมูนิตี้สเปซให้มีสีสันสวยงาม วิธีนี้จะช่วยให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจคนรุ่นใหม่อย่างไร Brand Buffet ชวนทุกคนมาเจาะลึกวิธีคิด พร้อมทำความรู้จักแบรนด์ไทยรายนี้กันให้มากขึ้น
จุดเริ่มต้นคือ “ผ้าม่าน”
ธุรกิจสิ่งทอภายในบ้าน (Interior Textile) แบรนด์ “VICHITR” เริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 40 ปีที่ผ่านมา มีผู้ก่อตั้งคือ คุณยงยุทธ์ วรดิษฐกิตติกุล ที่ตัดสินใจหันเหจากการเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนมาทำผ้าม่านร่วมกับเพื่อนๆ 4 คน ด้วยเหตุผลที่อยากลองทำธุรกิจของตนเอง อีกทั้งตลาดผ้าม่านในยุคนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก ในขณะที่คู่แข่งยังไม่มาก หลังจากนั้นในปี 2524 คุณยงยุทธ์ได้ตัดสินใจแยกตัวออกมาตั้งบริษัทในชื่อ “วิจิตรการม่าน” เพื่อผลิตและจำหน่ายผ้าม่านของตนเองอย่างจริงจัง
สำหรับผ้าม่านในสมัยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นสีเรียบๆ หากดูเผินๆ อาจจะแยกความแตกต่างไม่ออก แต่สิ่งที่ทำให้วิจิตรการม่าน ได้เปรียบทางการตลาดคือ การเป็นผู้บุกเบิก คิดค้นทำผ้าม่านพิมพ์ลายออกมาเป็นคนแรกๆ ในตลาด จากนั้นไม่นานผ้าม่านพิมพ์ลายก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงมีการคิดค้นลายใหม่ๆ ออกมาตลอด และทำให้ธุรกิจเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงทุกวันนี้
ภายหลังจากที่ทายาทรุ่นที่ 2 ได้มารับไม้ต่อจากผู้ก่อตั้ง และมีการพัฒนาและสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในหลายๆด้าน รวมถึงการปรับชื่อแบรนด์มาเป็น VC Fabric แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิม คือ การรักษาจุดแข็งเรื่องดีไซน์ผ้าที่สวยงามและคุณภาพผ้าที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเบื้องหลังดีไซน์ที่สวยงามนี้ เกิดมาจากการให้ความสำคัญกับการคัดสรรผ้าจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงศึกษาเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภค เพื่อนำมาออกแบบลวดลายใหม่ๆ สู่ตลาด ดังนั้น แม้จะเป็นสีพื้นเหมือนกัน แต่ผ้าม่านของที่นี่กลับมีเฉดสีหลากหลาย และบางผ้าเมื่อนำเข้ามาแล้วก็นำไปผสมสีใหม่เพื่อที่จะทำให้บ้านทุกหลังได้ม่านที่สวยงามและเหมาะกับผู้อยู่อาศัย
ต่อยอดธุรกิจสู่ Interior Textile
ในปัจจุบัน ทางแบรนด์ได้มีการต่อยอดแตกไลน์ผลิตภัณฑ์หลากหลายขึ้นกว่าเดิม จากที่ผลิตแค่ผ้าม่านกันแสง ก็มีผ้าม่านโปร่ง ม่านม้วน และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เช่น หมอนอิง ผ้ากันเปื้อน และผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ จนกลายเป็นแบรนด์สิ่งทอในบ้าน (Interior Textile) รวมทั้งมีการนำนวัตกรรมมาผสมผสานกับดีไซน์ผ้าจนเกิดเป็นผ้า Wellness เพื่อเติมเต็มความต้องการผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม เช่น ผ้ากันไรฝุ่นสำหรับผู้เป็นภูมิแพ้ และผ้าบุเฟอร์นิเจอร์กันรอยขีดข่วนจากน้องหมาน้องแมว แต่ Core Product ที่สร้างรายได้หลักยังมาจากกลุ่มผ้าม่าน รวมถึงเปิดโชว์รูมเพื่อให้ผู้บริโภคมาชมสินค้าสะดวกขึ้น ปัจจุบันมี 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท วี.ซี แฟบริค จำกัด สำนักงานใหญ่ สุขุมวิท 71, CDC และ ดีไซน์ วิลเลจ บางนา
กระทั่งเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา จากชื่อเรียก VC Fabric เดิม แบรนด์ได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเป็น “VICHITR” (วิจิตร) ที่แปลว่า สวยงามอย่างประณีต เพื่อสะท้อนจุดยืนของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์ให้แข็งแกร่งในตลาดมากยิ่งขึ้น และเมื่อผสมผสานกับนวัตกรรมที่ให้ฟังก์ชันตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทำให้ VICHITR เป็นแบรนด์ที่นำเสนอผ้าที่ดีไซน์สวยงาม ใช้งานได้จริงสอดคล้องกับการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่คนตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี รวมถึงผุดออนไลน์สโตร์บน Shopee ในชื่อ Alive by VICHITR ซึ่งผลิตภัณฑ์มีทั้งผ้าม่านสำเร็จรูป หมอนอิง ผ้ากันเปื้อน และแผ่นรองจาน ที่นำเศษผ้าที่ยังคงคุณภาพดีจากคอลเลคชั่นต่างๆ มาออกแบบจนกลายเป็นดีไซน์สุดคูลไม่เหมือนใคร ลดปริมาณเศษผ้าเหลือทิ้ง ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมด้วย
ผนึก theCOMMONS สร้างประสบการณ์ ย้ำแบรนด์เข้าถึงคนรุ่นใหม่
แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา VICHITR จะมีการเติบโตในธุรกิจตลาดผ้าม่าน โดยแบรนด์เป็นที่รู้จักและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในกลุ่มดีลเลอร์ หรือร้านผ้าม่าน ดีไซน์เนอร์ และลูกค้าองค์กร (B2B) ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาฯ และโรงแรม แต่เมื่อดูกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้อยู่อาศัย (End User) กลับพบว่า Brand Awareness ของแบรนด์ยังไม่แข็งแรงเท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มแรก หรือชื่อของ VICHITR ยังไม่ได้ครองใจ หรืออยู่ใน Top of Mind ของลูกค้ากลุ่มนี้ เนื่องจากพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อผ้าม่านของผู้บริโภคกลุ่มนี้มักจะซื้อผ่านดีลเลอร์ หรือผ่านการแนะนำโดยอินทีเรีย ยังเป็นส่วนน้อยมากที่จะเสิร์ชหาแบรนด์ผ้าม่านโดยตรงด้วยตนเอง และที่สำคัญแบรนด์ผ้าม่านจะถูกนึกถึงก็ต่อเมื่อผู้บริโภคมีความต้องการสินค้า ซึ่งผ้าม่านเองเป็นสินค้าที่ไม่ได้ซื้อซ้ำบ่อยครั้ง
ผนวกกับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดผ้าม่านมีการเติบโตมากขึ้น มีผู้เล่นผ้าม่านสำเร็จรูปรายใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้ VICHITR มีการปรับกลยุทธ์เพื่อทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าดีไซน์สวยงาม คุณภาพดี ตอบโจทย์ทุกรสนิยมและไลฟ์สไตล์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นั่นจึงเป็นที่มาของการจับมือกับคอมมูนิตี้สุดชิคอย่าง theCOMMONS Thonglor ในครั้งนี้
โดยเหตุผลสำคัญที่เลือกจับมือกับ theCOMMONS Thonglor เพราะมองว่าเป็นพื้นที่สำหรับทุกคน และกลุ่มเป้าหมายที่มาเดินที่นี่เป็นกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่มองหาสินค้าคุณภาพและอยากทำความรู้จักกับรายละเอียดของสินค้า ซึ่งสอดรับกับกลุ่มผู้บริโภคที่แบรนด์อยากเข้าถึง ซึ่งความน่าสนใจของความร่วมมือในครั้งนี้คือ การนำผลิตภัณฑ์ของ VICHITR เข้าไป Blend in กับคอมมูนิตี้สเปซ โดยได้เลือกผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ และผ้า Outdoor ที่มีดีไซน์สวยงาม และทนต่อรอยขีดข่วนมาตกแต่งเพื่อเพิ่มความสดใสให้กับพื้นที่ เปลี่ยนพื้นที่ theCOMMONS ให้กลายเป็นบ้านอีกหลังที่สวยงามและนั่งสบาย ตรงกับธีม “Home is where the heart is” พร้อมกับมาเปิดบูธ ทำ DIY Patchwork Cushion ให้คนได้มาทำกิจกรรม ครีเอตหมอนอิงจากเศษผ้าในคอลเลคชั่นต่างๆ ในสไตล์ของตัวเอง ออกมาเป็นหมอนดีไซน์สุดเก๋ ไม่ซ้ำใคร
ด้วยความที่ theCOMMONS เป็น Community space ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองมากๆ ทั้งสถานที่และผู้คนที่มาใช้พื้นที่ ซึ่งทางแบรนด์ก็คาดหวังให้คนใน Community นี้ได้เห็น และรู้จักแบรนด์มากขึ้นผ่านประสบการณ์ตรงกับสินค้า ซึ่งหลังจากที่เข้าไป Set up พื้นที่ ทางแบรนด์ก็ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี มีคนให้ความสนใจสินค้า และเดินมาสอบถามอยู่เรื่อยๆ
เดินหน้าผลักดันสินค้า ตั้งเป้าดันแบรนด์กุมหัวใจคนรุ่นใหม่ใน 3 ปี
การที่ VICHITR เลือกใช้หมอนอิง ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ และผ้า Outdoor มาเป็นตัวคอนเนคแบรนด์กับกลุ่มผู้บริโภค ไม่ได้จำกัดเฉพาะผ้าม่านซึ่งเป็น Core product เพราะมองว่าสินค้าเหล่านี้ช่วยสะท้อนภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์ Interior Textile ได้ เพราะเป็นสินค้าใกล้ตัวทุกคน ซึ่งท้ายที่สุดก็จะช่วยทำให้ผู้บริโภครู้จักผ้าม่านของ VICHITR ที่มีดีไซน์สวยรองรับทุกไลฟ์สไตล์
ความร่วมมือกับ theCOMMONS ในครั้งนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของแบรนด์สิ่งทอภายในบ้านสัญชาติไทยที่มีอายุกว่า 40 ปี ซึ่งจากนี้ไปจะได้เห็น Movement ใหม่ๆ อีกแน่นอน โดยภายในปลายปีนี้ ทางแบรนด์มีแผนจะสร้างสรรค์ผลงานและกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นออกมาอีกมากมาย เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่คนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าถึงและช่วยสร้างภาพลักษณ์สดใหม่ให้กับแบรนด์ โดยตั้งเป้าภายในปี 2568 จะเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภครุ่นใหม่ เมื่อนึกถึงผ้าม่าน หรือผลิตภัณฑ์สิ่งทอในบ้าน ต้องนึกถึงชื่อ VICHITR เป็นอันดับแรกๆ