เมื่อเทรนด์โลกหลังโควิดเปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคมองหาอาหารที่ดีกว่า (Better Food) ไปพร้อมกับการมองหา Food Solution ที่เกี่ยวเนื่องกับการทานอาหารที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่ โดยปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ธุรกิจอาหารเติบโตส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก “เทรนด์สุขภาพ” ที่มาแรงมากขึ้น ทำให้ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอาหารโลกหลายรายต่างเดินหน้ายุทธศาสตร์เพื่อรองรับแนวโน้มนี้มากขึ้น
ข้อมูลในตลาดอาหารระบุว่า ธุรกิจอาหารปี 2023 มีมูลค่ากว่า 787,371 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6% และเมื่อโฟกัสไปที่เซกเมนต์ซูเปอร์พรีเมียม พบว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 57,100 ล้านบาท มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซื้อเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บวกกับแรงหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
ขณะที่การบริโภคและภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ เลือกอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัยสูง จากแหล่งผลิตที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับและเชื่อถือได้ กลายมาเป็นอีกตัวแปรสำคัญที่ทำให้อาหารกลุ่มนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารชั้นนำของไทย จึงเร่งเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมทางอาหารออกมาเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ตลาดอาหารครั้งสำคัญนี้ โดยมีแบรนด์ S-Pure เป็นเรือธงสำคัญในการขยายตลาดเพื่อรองรับการเติบโต
กางโรดแมป “เบทาโกร” ปั้น “S-Pure” บุกตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียม ย้ำมาตรฐาน NSF เจ้าแรกในไทย
สำหรับโรดแมปของ S-Pure ในตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียมในครั้งนี้ จึงเกิดขึ้นโดยยึดเทรนด์ตลาดโลกมาเป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมอาหารเพื่อป้อนสู่ตลาดโลก เพื่อตอบโจทย์เทรนด์อาหารโลกที่มองเรื่องของสุขภาพเป็นประเด็นสำคัญ
ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG กล่าวว่า แบรนด์ S-Pure คือแบรนด์อาหารในเครือ เบทาโกร ที่ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพความปลอดภัยของอาหาร ไม่มียาปฏิชีวนะ ไม่มีสารเร่งโต ในกระบวนการเลี้ยงก่อนแปรรูป จึงเรียกว่าเป็น S-Pure คือแบรนด์ที่เป็น 100% Natural Pure Product
โดย S-Pure ยังเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวของไทยที่ได้รับการรับรอง “การเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics – RWA)” จาก NSF สหรัฐอเมริกา ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ หมู ไก่ และไข่ไก่ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% และจากผลวิจัยผู้บริโภค พบว่า S-Pure เป็นแบรนด์ที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีฐานผู้บริโภคที่มีความภักดีในตราสินค้า (Brand Loyalty) มากกว่า 50% (Quality advocacy Index) สะท้อนถึงการเป็นผู้นำตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียมที่ผู้บริโภคไว้วางใจ
เมื่ออาหารที่มีความปลอดภัยสูงกลายเป็นเรื่องหลักที่ลูกค้านึกถึง ล่าสุด “เบทาโกร” ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญการตลาดใหม่ของ S-Pure ในรอบ 4 ปี ในชื่อ “ถ้าวิถีธรรมชาติ คือทางของคุณ S-Pure No.1 Brand” โดยได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “S-Pure Prime” เนื้อสัตว์แปรรูปสไตล์โฮมเมด ประกอบด้วย ไส้กรอกเวียนนา เบคอนหมูรมควัน พอร์คลอยน์แฮมรมควัน โบโลญ่าหมู และโบโลญ่าไก่ ปราศจากการสารเคมี และใช้วัตถุดิบจากเนื้อหมู เนื้อไก่ S-Pure 100% นับเป็นผลิตภัณฑ์ อาหารฉลากสะอาด (Clean Label) รายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้
อีกทั้งยังมีกิจกรรม “S-Pure The Natural Way” ที่พร้อมยกขบวนศิลปินดาราชื่อดังมาแชร์เคล็ดลับ การดูแลสุขภาพและสาธิตการทำอาหาร รวมถึงกิจกรรมพริวิเลจ พิเศษ! สำหรับลูกค้า S-Pure เร็ว ๆ นี้ โดยมีภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ของ S-Pure ที่มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและมีไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตเพื่อการมีสุขภาพดี การเปิดตัวแคมเปญ S-Pure ในครั้งนี้จึงไม่เพียงตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียม แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนดำเนินชีวิตด้วยการดูแลสุขภาพด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ (Healthy Lifestyle Inspiration) เพื่อคุณภาพชีวิตของทุกคนที่ยั่งยืน
สร้างความยั่งยืนกับแพคเกจจิ้ง “รักษ์โลก” โฉมใหม่
นอกจากนี้ยังมีการให้ความสำคัญเรื่องของการสร้างความยั่งยืนในการทำธุรกิจ กับ S-Pure Sustainable Paper Tray ในแพคเกจจิ้ง “รักษ์โลก” หรือ “ถาดกระดาษ (Paper Tray)” ที่สามารถลดขยะพลาสติกที่มาพร้อมดีไซน์บรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ สะท้อนการเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ สดใหม่ และปลอดภัย ให้ความรู้สึกทันสมัยมากขึ้น เป็นการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ในธุรกิจอาหารครั้งสำคัญ ที่จากเดิมอุตสาหกรรมอาหารเน้นการใช้พลาสติกเป็นบรรจุภัณฑ์หลักเพื่อความสะอาด
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เบทาโกรได้จับมือกับ SCG Packaging ในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (ถาดกระดาษสำหรับใส่เนื้อสัตว์) ที่มีความสะอาดและปลอดภัย ช่วยลดพลาสติกได้ถึง 80% นับเป็นเจ้าเดียวในไทยและเพียงไม่กี่รายในเอเชียที่สามารถทำได้ และได้ทดลองนำแพคเกจจิ้งกระดาษไปวางจำหน่ายที่เซ็นทรัล ชิดลม และกูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาพารากอน จนได้รับกระแสตอบรับดี จนสามารถขยายออกไปทำตลาดในวงกว้างได้ 70% ของสินค้าทั้งหมดจากแบรนด์ S-Pure โดยภายใน 3 ปี ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ S-Pure จะใช้แพคเกจจิ้งที่เป็น Sustain ทั้งหมด
ทั้งหมดทำให้ S-Pure เป็นหนึ่งในธุรกิจเรือธงปีนี้ของเบทาโกร โดยวางเป้าหมายยอดขายแบรนด์ S-Pure เติบโต 17% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดอาหารซุปเปอร์พรีเมียม ทั้งช่วยผลักดันยอดขายของเบทาโกรให้เติบโตตามเป้าหมาย เพื่อก้าวสู่แบรนด์ธุรกิจอาหารชั้นนำระดับโลก สู่การเติบโตภายใต้ ‘World-Class Branded Food Company’ ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ