ธุรกิจค้าปลีกของ บมจ. ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 สรุปได้ดังนี้
– รายได้รวม 232,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อน จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven รวมถึงธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค “แม็คโครและโลตัส” ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยว และกลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจ
– สัดส่วนรายได้แบ่งตามธุรกิจ ดังนี้ 1. ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และธุรกิจอื่นๆ 50% และ 2. ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค 50%
– กำไรสุทธิ 4,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7% จากปีก่อน มาจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้เติบโตดี และมีความสามารถทำกำไรดีขึ้น
– ส่วนผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2566 ซีพีออลล์ มีรายได้รวม 454,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.6% จากปีก่อน
ตามดูตัวเลขร้านเซเว่นฯ
– ไตรมาส 2 ปี 2566 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 102,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% จากปีก่อน
– มีกำไรสุทธิ 6,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.3%
– เปิดร้านใหม่ 168 สาขา (สัดส่วน 86% เป็นร้านสแตนด์อโลน) ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 มีสาขาทั่วประเทศรวม 14,215 สาขา แบ่งเป็น
1. ร้านสาขาบริษัท 7,133 สาขา (ประมาณ 50%) เปิดใหม่ 114 สาขา
2. ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,082 สาขา (ประมาณ 50%) เปิดใหม่ 54 สาขา
– มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน 83,558 บาท เพิ่มขึ้น 7.9% (ร้านเดิม)
– มียอดซื้อต่อบิลประมาณ 84 บาท
– จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 995 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน สาเหตุมาจากการบริโภคในประเทศฟื้นตัวและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
– รายได้จากการขายสินค้าผ่านกลยุทธ์ O2O อาทิ 7-Eleven Delivery และ All Online มีสัดส่วน 10% ของรายได้ขายสินค้ารวม
– รายได้จากการขาย 75.5% มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จากการออกสินค้าใหม่และโปรโมชั่น และ 24.5% มาจากสินค้าอุปโภค
แผนธุรกิจเซเว่นฯ ปี 2566
– มีเป้าหมายขยายสาขาใหม่ในประเทศไทยรวม 700 สาขา ในประเทศกัมพูชาเปิดให้ครบ 100 สาขา (ปัจจุบันมีสาขาทั้งในกรุงพนมเปญและจังหวัดรอบนอก รวม 66 สาขา) รวมถึงเปิดสาขาแรกใน สปป.ลาว
– คาดว่าจะใช้งบลงทุน 12,000 –13,000 ล้านบาท
1. การเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 – 4,000 ล้านบาท
2. การปรับปรุงร้านเดิม 2,900 – 3,500 ล้านบาท
3. โครงการใหม่ บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000 – 4,100 ล้านบาท
4. สินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300 – 1,400 ล้านบาท