ตลาด Community Mall (คอมมูนิตี้มอลล์) กลับมามีสีสันและคึกคักมากขึ้นในช่วง 5 ปีหลัง เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการขยายตัวของเมือง ส่งผลให้คอมมูนิตี้มอลล์มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ และทำให้ผู้เล่นหน้าเก่าผุดคอมมูนิตี้มอลล์ไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นหลายแบรนด์ อย่างเช่น คอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ “เดอะ สเฟีย เพชรเกษม” (The Spheres Phetkasem) ของผู้ผลิตและส่งผ้าหนังเทียมชั้นนำของไทยอย่าง บริษัท ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด เพื่อเติมเต็มความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยและคนทำงานในย่านเพชรเกษมเป็นครั้งแรก
บริษัท ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นใคร? ทำไมถึงตัดสินใจกระโดดมาเล่นในตลาดนี้ Brand Buffet ชวนมาทำความรู้จักบริษัทนี้ พร้อมกับแนวทางการปั้น “เดอะ สเฟีย เพชรเกษม” บุกตลาดกันให้มากขึ้น
จุดเริ่มต้นสู่ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์
การเข้ามาในตลาดคอมมูนิตี้มอลล์ ของภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ มาจากการมองเห็น “โอกาส” เติบโตของตลาด และต้องการต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว ประกอบกับพื้นที่ในย่านเพชรเกษม-อ้อมน้อย เป็นทำเลที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อของ 3 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร นครปฐม และกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ มีโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปและส่งออกจำนวนมาก รวมกว่า 9,300 โรงงาน ทำให้มีดีมานด์ที่อยู่อาศัยค่อนข้างสูง ขณะที่โครงการที่พักอาศัยโดยรอบจะมีราคาตั้งแต่ 2.9 ล้านบาทจนถึง 20 ล้านบาท กว่า 86,000 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ยังอยู่บนเส้นทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากมาย เช่น วัดท่าไม้ หมู่บ้านเบญจรงค์ วัดไร่ขิง ฟาร์มจระเข้สามพราน ตลาดน้ำดอนหวาย เป็นต้น แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ฯลฯ แต่ยังไม่มีคอมมูนิตี้มอลล์มากนัก
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทำให้ คุณอัญรินทร์ ชลสายพันธ์ ผู้จัดการ บริษัท ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการเดอะ สเฟีย เพชรเกษม ตัดสินใจนำแลนด์แบงก์ในมือบริเวณริมถนนเพชรเกษม บนพื้นที่กว่า 18 ไร่ จากทั้งหมด 30 ไร่ มาพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ในชื่อ “เดอะ สเฟีย เพชรเกษม” มูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมด 1,000 ล้านบาท เพื่อตอบไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยและคนทำงานในรัศมี 10 กิโลเมตร
โดยก่อนจะแตกไลน์สู่ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ในวันนี้ เส้นทางธุรกิจ ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ เริ่มต้นจากธุรกิจผ้าหนังเทียมสำหรับรถยนต์และรองเท้า หลังจากนั้นได้ขยายมาสู่ธุรกิจอพาร์ทเมนต์ ซึ่งการขยับมาพัฒนาอพาร์ทเมนต์ ทำให้บริษัทได้เรียนรู้ในหลายเรื่องและสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ จนมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ทำเล คือ พญาไท ศาลายา และสมุทรสาคร
ดึงอินไซต์คนพื้นที่ ปั้นคอมมูนิตี้มอลล์ท่ามกลางธรรมชาติ
ถึงจะมีประสบการณ์ในการพัฒนาอพาร์ทเม้นต์มาหลายปี แต่การพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ไม่เหมือนธุรกิจอพาร์ทเม้นต์ อีกทั้งการพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณอัญรินทร์ จึงลงมือศึกษาอินไซต์คนในพื้นที่เพชรเกษม – อ้อมน้อยอย่างหนัก โดยเฉพาะฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ เพื่อนำความต้องการมาพัฒนาพื้นที่ให้แตกต่างและสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยพบว่าพื้นที่ในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้มีพื้นที่สีเขียวน้อย และผู้บริโภคต้องการสถานที่แฮงเอาต์ ร้านอาหาร และแหล่งชอปปิ้งที่ไม่ต้องเดินทางไปศูนย์การค้าในเมือง เพื่อหลีกหนีการจราจรติดขัด
ดังนั้น คอนเซ็ปท์ของ The Spheres จึงเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด ไบโอฟิลิก (Biophilic) เพื่อเป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถมาเดินเล่น ช้อปปิ้ง และรับประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งจะประกอบไปด้วยอาคารทั้งหมด 7 อาคาร แบ่งเป็นอาคาร A เป็นโซนร้านอาหารระดับพรีเมี่ยม อาคาร B เป็นแหล่งรวมร้านอาหารแฟรนไชส์แบรนด์เนม ขณะที่อาคาร C เป็น Food Court รวมร้านดังจากย่านต่างๆ อาคาร D เป็นพื้นที่สำหรับฟิตเนสและโซนเฮลท์แอนด์บิวตี้ ส่วนอาคาร E เป็นโซนร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ดที่เป็นที่นิยม อาคาร F เป็นซูเปอร์มาร์เก็ต และอาคาร G ร้านอาหารที่มีบริการแบบไดร์ฟทรู
“โครงการฯ จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับ B+ ขึ้นไป ทั้งกลุ่มพนักงานบริษัทและข้าราชการ กลุ่มผู้พักอาศัยในชุมชนพื้นที่บริเวณใกล้เคียง กลุ่มเจ้าของกิจการ เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งในฝั่งสมุทรสาครและนครปฐม รองลงมาเป็นกลุ่มครอบครัวใหญ่ในจังหวัดใกล้เคียง กลุ่มนักท่องเที่ยว รวมถึงกลุ่มอาจารย์ นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์และมหาวิทยาลัยมหิดล”
ปัจจุบัน เดอะ สเฟีย เพชรเกษม กำลังพัฒนาในเฟสแรก โดยก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า 30% แบ่งเป็นพื้นที่ร้านอาหาร 70% และ Non-Food 30% ทั้งยังมีพื้นที่จอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมกว่า 550 คัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2566 นี้ และจะพร้อมเปิดให้บริการกับลูกค้าทั้งจากกรุงเทพฯ นครปฐม และสมุทรสาคร รวมไปถึงผู้อาศัยที่นนทบุรีในช่วงกลางปี 2567
เมื่อเดอะ สเฟีย เพชรเกษม เปิดให้บริการ คาดว่าในช่วงแรกวันธรรมดาจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 3,000 คนต่อวัน และสุดสัปดาห์ ประมาณ 5,000 คนต่อวัน ก่อนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าโครงการฯ จะอยู่ในจุดคุ้มทุนในระยะเวลาประมาณ 7 – 8 ปี ซึ่งในอนาคต หากโครงการเดอะ สเฟีย เพชรเกษม ได้ผลตอบรับที่ดี บริษัทฯ ก็พร้อมที่จะเดินหน้าลงทุนพัฒนาเฟส 2 ที่มีเนื้อที่อีก 12 ไร่ โดยอาจจะพัฒนาเป็นตลาดสด เพื่อให้เป็นแหล่งรวมร้านค้าและบริการครบจบในที่เดียว” คุณอัญรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
จึงถือเป็นคอมมูนิตี้มอลล์น้องใหม่ที่น่าสนใจ แต่กระแสตอบรับจะเป็นอย่างไร และจากนี้ไปจะมีแม่เหล็กอะไรมาดึงดูดคนให้เข้าไปใช้บริการเพิ่มเติม ต้องมาดูกันต่อไป