แม้ประเทศไทยจะผ่านวิกฤตไวรัสโควิด-19 มา 2 ปีแล้ว แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปี 2567 ยังคงไม่ง่ายสำหรับผู้ประกอบการ เพราะต้องเจอกับความท้าทายหลายอย่าง โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่เติบโตช้า ส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัว ทำให้หลายคนไม่กล้าตัดสินใจซื้อบ้าน บวกกับการปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อของแบงก์มากขึ้น โดยเฉพาะบ้านระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ยิ่งทำให้กำลังซื้อหดตัวหนักไปอีก แต่ปีนี้ “บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)” กลับบุกหนัก ลุยเปิดโครงการใหม่ที่มีมูลค่ามากสุด และวางเป้ายอดขายสูงสุดในรอบ 35 ปี พร้อมทั้งรุกเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนมากขึ้น
ศุภาลัยมองเห็นโอกาสอะไร Brand Buffet พามาหาคำตอบ พร้อมยุทธศาสตร์การรุกตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศกับ “ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร และ “คุณไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ไปพร้อมกัน
ปีที่น่าตื่นเต้นของศุภาลัย ลุยปูพรม 42 โครงการ มากสุดในรอบ 35 ปี
แม้แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในปี 2567 ยังเต็มไปด้วยปัจจัยท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้มงวดของแบงก์ในการปล่อยสินเชื่อ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง และโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป ทั้งเด็กเกิดใหม่น้อยลง คนแต่งงานช้าลง และเป็นโสดมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อตลาดอสังหาฯ
แต่ในอีกมุม ดร.ประทีป มองว่า ยังมี “ปัจจัยบวก” หลายอย่างที่จะช่วยให้ตลาดไปต่อได้ ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะเข้าสู่ขาลง การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการขยายโครงสร้างพื้นฐานในประเทศอย่างรวดเร็ว เช่น รถไฟฟ้าหลายสายเริ่มสร้างเสร็จและกำลังเปิดใช้บริการ และถนนเส้นทางใหม่ รวมไปถึงการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดส่งผลให้เมืองขยายและผู้บริโภคมีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น นั่นจึงทำให้ศุภาลัยมั่นใจและเป็นเหตุผลให้ปีนี้เดินหน้าบุกตลาดอย่างหนัก
“ปีนี้เป็นปีที่น่าตื่นเต้นหลายอย่างสำหรับเรา เพราะมีเป้าหมายหลายอย่างไว้เพื่อทำลาย” คุณไตรเตชะ ย้ำ และขยายความถึงเป้าหมายที่มีไว้ทำลายว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่มากสุดถึง 42 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยแบ่งเป็นแนวราบ 38 โครงการ และคอนโด 4 โครงการ รวมทั้งเดินหน้าขยายตลาดในทำเลใหม่ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด รวมถึงประเทศออสเตรเลีย และที่สำคัญคือ การบุกตลาดบ้านระดับบนมากขึ้น
บุกบ้านระดับบน เพิ่มยอดขาย-ส่วนแบ่งตลาด
นับตั้งแต่โควิด-19 บ้านระดับบน (10 ล้านบาทขึ้นไป) นับเป็นหนึ่งในตลาดมาแรง และสร้างการเติบโตสวนภาวะตลาดอสังหาฯ ที่ชะลอตัว จนทำให้หลายค่ายหันมาทำตลาดนี้กันมากขึ้น แต่ในปีนี้ คุณไตรเตชะ มองว่า ตลาดบ้านระดับบนยังคงไปได้ เพราะสภาวะเศรษฐกิจกระทบกับกำลังซื้อคนกลุ่มนี้น้อย และคนกลุ่มนี้ยังมีความต้องการบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยนิยมซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 3 และ 4
แต่ไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดของบ้านระดับบน ปีที่ดีสุดของบ้านระดับบนคือ ปี 2022 ตอนนั้นแค่ครึ่งปีหลัง ศุภาลัยมียอดขายกว่า 600 ยูนิต เพราะคนมีความเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจกลับมา ดอกเบี้ย ค่าก่อสร้าง รวมถึงราคาที่ดินอาจจะขึ้น จึงซื้อไว้ก่อน จากนั้นตลาดก็จะหยุดเติบโต อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดของบ้านระดับบน แต่คุณไตรเตชะก็มั่นใจว่าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายบ้านระดับบนได้มากขึ้น 56% จากปีก่อน และเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 4-5%
“ที่มั่นใจ ไม่ได้เป็นเรื่องดีมานด์ แต่เป็นเรื่องของซัพพลาย เนื่องจากผู้ประกอบการรายเล็กจะเปิดโครงการระดับบนน้อยลง เพราะการได้สินเชื่อมาพัฒนาโครงการยากขึ้น จึงมีแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ ดังนั้น เมื่อซัพพลายในตลาดน้อยลง และเราเปิดโครงการมากขึ้น ก็จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และมีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น
พร้อมลุย “ออสเตรเลีย” ต่อ ผุดอีก 12 โครงการ
สำหรับตลาดต่างประเทศ ดร.ประทีป บอกว่า ศุภาลัยวางแผนบุกตลาดอย่างหนักไม่แพ้กัน หลังจากเข้าไปลงทุนในออสเตรเลียมา 10 ปี จนปัจจุบันมี 12 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท มาปีนี้จึงร่วมทุนกับ “Stockland Community Partnership HoldCo Pty Ltd” ซึ่งเป็นอสังหาฯ ท้องถิ่นของออสเตเลีย ตั้งกิจการร่วมค้าในชื่อ “SSRCP HoldCo Pty Ltd” พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่ม 12 โครงการ มูลค่าโครงการ 137,700 ล้านบาท ใน 4 รัฐ 5 เมืองสำคัญ
ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ ได้พัฒนาแล้วรวม 24 โครงการ มูลค่าโครงการ 187,700 ล้านบาท คิดเป็นเงินทุนรวมศุภาลัย 22,300 ล้านบาท โดยโครงการที่ซื้อใหม่จะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ เพราะเป็นโครงการที่ได้เริ่มพัฒนาไปส่วนหนึ่งแล้ว
จากแผนการรุกตลาดอย่างหนักในปีนี้ ทำให้ศุภาลัยมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่มียอดขายเติบโตทุบสถิติ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 36,000 ล้านบาท