ท่ามกลางการแข่งขันในยุคที่ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ตั้งแต่เรื่องของบุคลากร รูปแบบการดำเนินงาน ไปจนถึงปัจจัยการผลิต ทุกอย่างล้วนส่งผลให้ Landscape ของการแข่งขันทางธุรกิจเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในภาคค้าปลีก ค้าส่ง และบริการต่างๆ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
บนความท้าทายของ “ค้าปลีกค้าส่งยุคใหม่” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Era Of AI เทคโนโลยีกลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ…จะดีแค่ไหนหากเราสามารถช้อปปิ้งได้ง่ายๆ แค่ “สัมผัสหน้าจอ” ก็สามารถสั่งซื้อสินค้า เลือกวิธีการชำระเงิน และรอรับสินค้าที่หน้าประตูบ้านได้ทันที สิ่งนี้กลายมาเป็นโจทย์สำคัญให้ภาคธุรกิจต้องเดินเกมครั้งใหม่ โดยผสานการช้อปปิ้งทั้ง Online และ Offline หรือที่เรียกว่า OMNI-Channel เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวมากที่สุด
แต่ปัจจุบันแค่ OMNI-Channel อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอแล้ว จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “เซ็นทรัล รีเทล” หรือ CRC ในฐานะพี่ใหญ่ เร่งปรับตัวตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการประกาศเดินหน้าสู่ The New Era of Brilliance กับวิสัยทัศน์ CRC OMNI-Intelligence เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น บนคอนเซ็ปต์ของ Leading Excellence and Advancing Sustainability หรือการบริหารธุรกิจทุกกลุ่มของเซ็นทรัล รีเทล ให้ยั่งยืนครอบคลุมในทุกมิติ
คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีส่งผลต่อภาพรวมการแข่งขัน ทำให้ปัจจุบัน CRC ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่เพียงธุรกิจค้าปลีกค้าส่งเท่านั้น หากแต่ยังนำจุดแข็งของบริษัทมาเสริมแกร่งแพลตฟอร์มและอีโคซิสเต็ม เพื่อสร้าง New Growth และก้าวสู่การเป็น Beyond Retail ที่ต้องการผนึกกำลังของทุกภาคส่วนตั้งแต่พนักงาน พาร์ทเนอร์ คู่ค้าไปจนถึงลูกค้าผ่านการร่วมมือภายในอีโคซิสเต็มเดียวกัน ให้เติบโตไปด้วยกัน
การก้าวสู่บทบาทด้านดิจิทัลไม่ใช่เรื่องใหม่ หากย้อนไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา CRC เป็นธุรกิจรายแรกที่มีการปรับตัวด้าน OMNI-Channel ขณะเดียวกันก็ไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และขยายธุรกิจต่อเนื่องเพื่อสร้างความยั่งยืนระยะยาว จนกลายเป็นก้าวใหม่ของ CRC ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนบทบาทของการดำเนินธุรกิจ และทำให้ OMNI-Channel ล้ำยิ่งขึ้นไปอีก สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่การเข้าถึงลูกค้า การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว ไร้รอยต่อ และ Personalized มากยิ่งขึ้น
ถอดรหัสกลยุทธ์ 5R รับมือการแข่งขันสู่การเป็น “CRC OMNI-Intelligence”
การแข่งขันในยุคของ Era Of AI ที่เทคโนโลยีมีผลต่อรูปแบบการแข่งขัน ทำให้ CRC ต้องเดินหน้าแผนงานอย่างรอบด้าน โดยยกระดับธุรกิจให้กลายเป็น “CRC OMNI-Intelligence” ซึ่งนำ AI เข้าไปผสานในการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การ Integrate AI ให้เข้ากับ HI (Human Intelligence) เพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม เปรียบเหมือนมี Expertise at your fingertip รวมถึงการสร้าง Impact ที่มุ่งเน้นทั้งด้าน Profit และ Planet ไปจนถึงการขยายอีโคซิสเต็มจาก B2C สู่ B2B อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีกลยุทธ์ 5R เป็นหัวใจสำคัญ ประกอบด้วย
- Revolutionise Core Strength คือ การยกระดับความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักใน Multi-Format, Multi-Category และ Multi-Market โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง รวมถึงการยกระดับเรื่อง Synergy และการทำ M&A เพื่อเพิ่ม Value ในระยะยาวให้กับธุรกิจ
- Reinforce Financial Resilience คือ การทำให้สถานภาพทางการเงินมีความแข็งแกร่ง และมีการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น และมีความยืดหยุ่นทางด้านการเงิน บนหลักการบริหาร 3C (Cash, Cost, Capex)
- Reinvent Beyond Retail คือ การต่อยอดธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจค้าปลีก เช่น การเข้าไปเป็นส่วนสำคัญใน Community ต่างๆ ในแต่ละ Category เพื่อสร้าง Network และ Value ในระยะยาวให้กับธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล รวมถึงการขยายอีโคซิสเต็มจาก B2C สู่ B2B อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้า Scale up อย่างต่อเนื่อง
- Reimagine Human Capital คือ การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ด้วยการรวม Intelligence ของ AI และ HI เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อขยายขีดความสามารถในการทำงาน การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และการเพิ่มประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มออมนิแชแนลแบบทวีคูณ ซึ่ง CRC ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อย เช่น การใช้ AI ช่วยคัดสรรคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด พัฒนาระบบ Search Engine ที่ช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าได้ตรงใจยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเลือกส่วนลดให้ตรงกับพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้ามากที่สุด และในอนาคตจะมีการพัฒนา Chatbot อัจฉริยะเพื่อช่วยเหลือลูกค้า รวมถึงนำดาต้ามาช่วยแผนก HR คัดเลือกผู้สมัครให้ตรงคุณสมบัติที่ตามหายิ่งขึ้น
- Rally Green Impact คือ การยกระดับการทำ Green Transition ด้วยการผนึกกำลังทั้งภาครัฐ เอกชน ลูกค้า และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ มาร่วมมือกันแก้ปัญหา Climate Change เพื่อไม่ให้เกิด Climate Crisis โดยการลดการใช้พลังงาน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโลกสีเขียว เพื่อส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง
AI กับการต่อยอด 4 กลุ่มธุรกิจสู่การเติบโตแบบยั่งยืน
ทั้ง 5 กลยุทธ์จะทำให้ CRC กลายเป็นผู้นำที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ครบจบสมบูรณ์และยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีแผนการขยายกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในปี 2567 ดังนี้
1.กลุ่มแฟชั่น : การพัฒนาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แฟล็กชิปสโตร์ สาขาชิดลม สู่การเป็น World Class Luxury Destination รวมถึงการขยายสาขาเพิ่ม 2 แห่ง พร้อมรีโนเวทและอัพเกรดห้างอีก 4 แห่ง ตลอดจนมีแผนเพิ่มแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และนำแบรนด์ในไทยขยายไปยังเวียดนาม
2.กลุ่มฟู้ด : เดินหน้าขยาย GO Wholesale อีก 7 สาขา เพื่อให้เป็นจุดหมายใหม่สำหรับทุกๆ คน เป็น The New Choice For All สำหรับลูกค้า ผู้ประกอบการ และพาร์ทเนอร์ทุกคน นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสาขา Tops รวม 10 สาขาในไทย สำหรับประเทศเวียดนาม มีแผนเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! 3 สาขา และ go! (มินิ โก!) อีก 9 สาขา ซึ่งถือเป็น Winning Format ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
3.กลุ่มฮาร์ดไลน์ : เดินหน้าขยายสาขาไทวัสดุ 9 สาขา พร้อมรีโนเวทอีก 4 สาขา และได้ทรานส์ฟอร์มเหงียนคิมในเวียดนามให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
4.กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ : ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ได้พัฒนาและปรับปรุงสาขาอย่างต่อเนื่อง ส่วนศูนย์การค้า GO! ในเวียดนาม มีแผนขยายอีก 3 สาขา โดยตั้งเป้าปิดปี 2567 ด้วยจำนวน 42 สาขา ครอบคลุม 42 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ
จะเห็นได้ว่าทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจเดินหน้าขยายสาขาและแผนงานอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางการแข่งขันในภาคค้าปลีกค้าส่งที่รุนแรงแล้ว CRC ยังปรับตัวแบบ 360 องศา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและบุคลากรในองค์กรได้เป็นอย่างดี
เรียกว่าเป็นการก้าวเข้าสู่โลกของการแข่งขันในธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่ไม่ใช่ตอบโจทย์ความต้องการเพียงด้านเดียว หากแต่เป็นการบูรณาการประสบการณ์รอบด้านเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในโลกแห่งดิจิทัลและเทคโนโลยีที่แท้จริง
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE