เป็นอีกหนึ่งยักษ์ค้าปลีกไทยที่กำลังสยายปีกสร้างการเติบโตในระดับภูมิภาค สำหรับ “บิ๊กซี” ภายใต้การนำทัพของ “คุณอัศวิน – คุณฐาปณี เตชะเจริญวิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ที่ขับเคลื่อนทัพค้าปลีกในมือ BJC ให้ยิ่งใหญ่ออกไปทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยเป้าหมายที่ต้องการพา “บิ๊กซี” ก้าวสู่สู่ผู้นำค้าปลีกระดับภูมิภาค โดยตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บิ๊กซี ในนาม BRC หรือชื่อใหม่ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) แม้ปัจจุบันแผนงานการเปิด IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะถูกเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ แต่แผนงานการขับเคลื่อนธุรกิจโดยเฉพาะค้าปลีกก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการหวนคืนตลาดอีกครั้ง
นอกจากประเทศไทยแล้ว ในต่างประเทศ “บิ๊กซี” ยังเดินหน้าขยายธุรกิจออกไปอย่างต่อเนื่อง หลังเข้าไปขยายสาขาในกัมพูชาเมื่อปี 2562 ตลอดจนการขยายตลาดใน สปป.ลาวในช่วงที่ผ่านมา ขณะในส่วนของการลงทุนที่ผ่านมาได้เห็นความเคลื่อนไหวชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็น “ฮ่องกง” และ “เวียดนาม” เป็นหมุดหมายแรกที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดทั้งในรูปแบบ Physical Store และช่องทาง Online Store
บุกฮ่องกง สปริงบอร์ดใหญ่ ทะยานสู่ตลาดจีน
เริ่มกันที่การเข้าซื้อกิจการ “AbouThai” ในปีที่ผ่านมาด้วยมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ในฮ่องกงเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา พร้อมกับการปรับโฉม AbouThai ทั้ง 24 สาขาในฮ่องกง สู่โฉมใหม่เป็น “บิ๊กซี ฮ่องกง ” ทั้งหมดแล้ว ยังตั้งเป้าขยายสาขา 25 แห่งต่อปี รวมเป็น 99 สาขาในอีก 3 ปีข้างหน้า (2567-2569) และคาดว่าบิ๊กซีจะมียอดขายแตะ 1 พันล้านฮ่องกงดอลลาร์หรือราว 4.67 พันล้านบาท ในช่วงเวลา 3 ปีนับจากนี้
ในครั้งนั้น “คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ในฐานะซีอีโอและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้เปิดเผยกับเซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ว่า “เราทุกคนเชื่อในโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของฮ่องกง แม้ว่าจะมีความท้าทายบางอย่างในช่วงโควิด แต่ฮ่องกงก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำในเอเชีย ที่เชื่อมโยงตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับจีนแผ่นดินใหญ่”
นับเป็นก้าวแรกของการอาณาจักรค้าปลีก-ค้าส่งของ BRC นอกภูมิภาคอาเซียนให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในตลาดฮ่องกง และจีนซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชีย
ทำให้การเข้าซื้อกิจการ พร้อมทั้งปรับโฉมใหม่ดังกล่าว ถือเป็นการประกาศบุกตลาดค้าปลีกใน “ฮ่องกง” พร้อมเป็นใบเบิกทางชิ้นสำคัญไปยังประเทศ “จีนตอนใต้” อย่างเต็มตัว แม้จะไม่ใช่ก้าวแรกของการบุกตลาดดังกล่าว หลังก่อนหน้าบิ๊กซีได้เข้าไปทำตลาดร่วมกับพาร์ทเนอร์ในรูปแบบออนไลน์และยังขยายช่องทางการจำหน่ายสู่แพลตฟอร์มทีมอลล์ ( TMALL) ในจีนมาก่อนเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าดังกล่าว “คุณจินดาธิป ศิริคุณากร” Head of Investor Relations (BJC) กล่าวในงาน BLS Retail Day “Shopping for the hot summer” ว่า เป็นที่รู้กันดีกว่าสินค้าจาก “บิ๊กซี” ได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าและนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่แล้ว โดยปัจจุบันใน “บิ๊กซี” โดยเฉพาะสาขาราชดำริ มีลูกค้าคนจีนเป็นจำนวนมากมีฐานลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้า ตั้งแต่ขนม สกินแคร์ ยาดม ยาหม่อง สมุนไพร ไปจนถึงยา ต่างๆ
ทำให้ทางค่ายมองว่า “บิ๊กซี ฮ่องกง” หรือ About Thai เก่านั้น จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งตลาดที่สำคัญในการรองรับความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคดังกล่าว โดยการทำตลาดในฮ่องกงนับจากนี้จะเป็นการดึงเอาจุดเด่นความเป็นเป็นสเปเชียลไลท์สโตร์มาเป็นจุดขายสำคัญ กล่าวคือบิ๊กซี ฮ่องกง มีจุดเด่นคือการขายของไทยเกือบ 100% อยู่แล้วมาใช้เจาะลูกค้าทั้งชาวฮ่องกง ชาวจีน ตลอดจนชาวไทยที่อาศัยในแถบนั้น
ดังนั้นการเข้าไปขยายสาขา “บิ๊กซี ฮ่องกง” จึงเป็นส่วนสำคัญตามแผนงานระยะกลางในการใช้ฮ่องกง เป็นฐานสำคัญในการขยายสาขาและรุกเข้าไปในตลาดจีนตอนใต้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการศึกษาตลาดในแถบดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพบว่ามีศักยภาพทางการเติบโตสูง โดยจากนี้ไปทางบิ๊กซีมีแผนนำเข้าสินค้าไปทำตลาดในฮ่องกงเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างแบรนด์ และโอกาสทางการขยายตลาด เพื่อเป็นการปูทางให้ บิ๊กซี ฮ่องกง ถูกใช้เป็นฐานที่มั่นสำคัญในการบุกเข้าไปทำตลาดในประเทศจีนต่อไปในอนาคต
และจะมีการปรับรูปแบบการทำงานให้เหมาะสมกับความต้องการ โดยอาศัย DATA หรือฐานข้อมูลของลูกค้าชาวจีนที่มีอยู่ในมือ นำมาใช้ปรับในการจัดวาง นำเข้าสินค้าที่ฮองกง ว่าควรจะเป็นอะไร หรือมีอะไรบ้าง อะไรคือสินค้าขายดีก่อนนำไปต่อยอดวางจำหน่ายช่องทางอื่นๆต่อไป
อย่างไรก็ดีตามแผนงานในการบุกตลาดจีน “คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เคยประกาศครั้งแถลงทิศทางธุรกิตครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมาว่า ในส่วนของประเทศจีนที่จะเดินหน้าจับมือพันธมิตรในท้องถิ่น ในการขยายความร่วมมือในการขยายช่องทางการจำหน่าย โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายในต่างประเทศเพิ่มเป็น 20-40% ของยอดขายรวม ภายใน 5-7 ปี จากปัจจุบัน (ปี 2566) ที่มีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศ 10% ของยอดขายรวม
ทุ่ม 3.6 หมื่นล้าน ลงทุน ‘เวียดนาม’ เพิ่มผ่านโครงการ Gia Tot หรือ โมเดล “ร้านโดนใจ” อีก 1 หมื่นสาขา ในปี 2028
ไม่เพียงแต่ใน “ฮ่องกง” เท่านั้น ช่วงที่ผ่านมา “บิ๊กซี” ยังเร่งปูพรมทำตลาดในแถบภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากการเปิดบิ๊กซี สาขาแรกใน สปป. ลาวแล้ว อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญคือการจัดสรรเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการลงทุนระยะยาวในภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค สุขภาพ วิศวกรรม และธุรกิจค้าปลีก ในเวียดนาม ผ่านบริษัทในเครือ ได้แก่ Thai Corp International (เวียดนาม), Ichiban Foods, Malaya Vietnam Glass (MVG), TBC-Ball Beverage Cans, BJC Cellox, Thai An Group, MM Mega Market (เวียดนาม) และ Vina Paper
กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มีนโยบายการดำเนินงานเพื่อขยายธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม โดยให้ความสำคัญกับการผลักดันตลาดชุมชน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนของเวียดนาม ในโครงการ “Gia Tot” ที่ประสบความสำเร็จในเวียดนาม หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ร้านโดนใจ” ในประเทศไทย ที่มีสาขาอยู่ทั้งหมด 1,143 ตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 10,000 สาขาภายในปี 2028
สำหรับโครงการร้าน “Gia Tot” เป็นโครงการที่กลุ่มบีเจซี ร่วมมือกับรัฐบาลเวียดนามและฝ่ายบริหารของนครโฮจิมินห์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งกิจการร่วมทุนหรือแฟรนไชส์กับรัฐวิสาหกิจและผู้ค้าปลีกในชุมชน โดยปรับปรุงธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยการนำระบบ POS หรือระบบขายหน้าร้านมาใช้งาน พร้อมจัดทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขายสินค้า และมีการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถนำไปขยายผลเพื่อวางแผนการตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าต่อไปในอนาคต
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE
อ่านเพิ่มเติม
- ผ่าแผน Big C หลังจัดทัพใหม่ทุ่ม 10,000 ล้าน ลุยค้าปลีกไทย-เทศ เตรียมปล่อย IPO ในปีนี้
- มาแล้วโฉมแรก “Big C ฮ่องกง” หลัง BRC ทุ่ม 300 ล้าน ซื้อกิจการ “AbouThai” ลุยปรับโฉมใหม่รุกตลาดปลีกนอกอาเซียน
- รู้จัก “Big C Place” โมเดลล่าสุดจาก Big C ที่จะมาสลัดภาพ “บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต” เติมเต็มไลฟ์สไตล์ประเดิม 2 สาขาแรก “ลำลูกกา-รัชดา”