บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ทำรายได้รวม 12,234 ล้านบาท โต 19% ผลจากความสำเร็จ โครงการมิกซ์ยูสเซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม กับการสร้างย่านการค้ากรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั้งเมืองหลักและเมืองรอง
ทั้งหมดเป็นผลมาจากการบริโภคภาคเอกชนของไทยถูกขับเคลื่อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น โครงการ Easy E-Receipt อีกทั้ง ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคมีแน้วโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และความชัดเจนในมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ขณะที่การดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจแบบผสม (Mixed-use Development) ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ส่งผลให้ไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญในทุกๆ กลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่พักอาศัยที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เซ็นทรัลพัฒนา มีรายได้รวม 12,234 ล้านบาท โต 19% และกำไรสุทธิ 4,154 ล้านบาท โต 28% จากปีก่อน
ความเคลื่อนไหวสำคัญในไตรมาส 1 ได้มีการเปิดตัวโครงการศูนย์การค้าต่างจังหวัด 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม พร้อมทั้งได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมเอสเซ็นท์ นครสวรรค์ และนครปฐม ในวันเดียวกับการเปิดตัวศูนย์การค้า โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานี้ การจองซื้อของทั้ง 2 โครงการ ได้รับการตอบรับดี นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวโครงการบ้านนิรดา วงแหวน-เอกชัย ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาอีกด้วย
แผนงานต่อไป “เซ็นทรัลพัฒนา” ยังคงวางแผนระยะยาวในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ตามแผน 5 ปีตั้งแต่ปี 2567-2571 ด้วยกรอบการลงทุน 121,000 ล้านบาท และในปี 2567 นี้ จะมีโครงการที่เปิดให้บริการใหม่ทั้งสิ้น 13 โครงการ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม ซึ่งดำเนินการเปิดทำการเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่อาศัย 10 โครงการ และโรงแรมแห่งใหม่ที่ระยอง ซึ่งจับมือกับ International Chain ระดับโลก พร้อมทั้งเตรียมสร้างปรากฏการณ์ระดับโลก “The World’s New Magnitude” ขยายย่านการค้าและธุรกิจในกรุงเทพฯ อีกหลายมุมเมือง เหมือนโมเดลเมืองใหญ่ทั่วโลก
โดยพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสจำนวน 5 โครงการ มีพื้นที่ทุกโครงการรวมกันกว่า 2.2 ล้าน ตร.ม. และทั้งหมดนี้ อยู่บน Super Prime Locations รอบกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนใหญ่ และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า แต่ละโครงการจะเป็น Flagship ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในอนาคต และจะเป็น Landmark ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเตรียมพบกับโครงการแรกคือ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่พร้อมเปิดส่วนอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า Central Park ในปี 2568
นอกจากนี้ กองทรัสต์ CPNREIT ก็ประสบความสำเร็จในเพิ่มทุนและต่อสัญญาโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 โดยได้ออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนทั้งหมด 1,053 ล้านหน่วย ก็ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จตามที่คาดการณ์ไว้ และได้รับเงินเพิ่มทุนทั้งสิ้น 10,741 ล้านบาท รวมกับเงินกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอีกบางส่วน เพื่อต่อสัญญาสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า อีก 15 ปี มูลค่าทั้งสิ้น 12,161 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 42 โครงการ ได้แก่
- ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 42 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 โครงการ ต่างจังหวัด 23 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ
- ศูนย์การค้าเอสพละนาด 1 แห่ง
- ศูนย์การค้าเมกา บางนา ภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 1 แห่ง
- คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร
- นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 35 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 9 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 36 โครงการ
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE