“ไฮเออร์ (Haier) เป็น 1 ใน 50 แบรนด์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก (จัดอันดับโดย World Brand Lab)” และเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของโลกที่มียอดขายปลีกในกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนขนาดใหญ่ติดต่อกันมายาวนานถึง 15 ปี สำหรับในไทย ไฮเออร์ สามารถผลักดันยอดขายได้ต่อเนื่องในระดับ Double-Digit ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดเครื่องปรับอากาศที่มียอดขายในแง่ของจำนวนมากที่สุดเช่นกัน ในขณะที่สินค้ากลุ่มตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ก็ทะยานติดอันดับ Top 3 ในแง่ของยอดขายด้วยเช่นกัน
ทำไมยอดขาย “ไฮเออร์” ทั่วโลกถึงโตไว แบรนด์ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว?
Key หลัก ๆ มีอยู่สองเรื่อง คือ Product และ Marketing Strategy
มาดูในส่วนแรกกันก่อน ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่ไม่เป็นรองใคร โดยปัจจุบันไฮเออร์มีศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 143 ศูนย์ทั่วโลก และ มีนักวิจัยหลากหลายเชื้อชาติกว่าพันคน ที่ร่วมกันคิดค้นสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ พัฒนาสินค้าที่เหมาะสมและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาค
– นวัตกรรมของไฮเออร์ได้รับรางวัลการออกแบบเชิงอุตสาหกรรมระดับโลกมาแล้วมากกว่า 170 รางวัล ถูกจัดให้อยู่อันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม
– ไฮเออร์มีสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์เกือบ 10,000 ฉบับในต่างประเทศ ครอบคลุม 25 ประเทศและภูมิภาค
– ไฮเออร์ เป็นแบรนด์แรกที่ได้คิดค้นและจัดจำหน่าย นวัตกรรม Self-Cleaning ในเครื่องปรับอากาศ
– ตู้เย็นไฮเออร์ เป็นแบรนด์เดียวที่มีนวัตกรรม Magic Room สามารถทำเครื่องดื่มเกล็ดหิมะ โดยการแช่เครื่องดื่มในตู้เย็นไม่กี่ชั่วโมง
– เครื่องซักผ้าไฮเออร์ เป็นเครื่องซักผ้าแบรนด์แรกที่มีนวัตกรรม Smart Ball ที่สามารถทำความสะอาดเชื้อไวรัสถังซักขณะซักผ้าได้มากถึง 99.9%
– เครื่องทำน้ำอุ่นมีการพัฒนาเทคโนโลยี Shock Proof ที่ช่วยตัดไฟอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์ของไฮเออร์แต่เพียงผู้เดียว
ทว่า ยุคนี้ผลิตภัณฑ์ดีอย่างเดียวไม่พอ แต่การทำตลาดก็สำคัญยิ่งยวดไม่แพ้กัน โดยที่ผ่านมากลยุทธ์ทางการตลาดของไฮเออร์ สร้าง Brand awareness ผ่าน 3 แผนสำคัญ โดยแผนแรกคือ Unaware of Brand โดยประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แบรนด์ครอบคลุมทุกด้านผ่านสื่อทั้ง Offline เช่น ทางทีวี billboard และ ทาง online บน social media ต่าง ๆ ถัดมาคือ Brand Recognition หรือการจัดกิจกรรมโปรโมชันทั้งทางออนไลน์ และ ณ จุดขาย เพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าของผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อสินค้า และกลยุทธ์สุดท้ายที่สำคัญอย่างมากคือ Brand Recall โดยมีสินค้าที่มีคุณภาพ และบริการหลังการขายที่ยาวนาน โดยผู้บริโภคสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วทั้งทาง Line official @haierthailand และ 1789 เหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวแบรนด์ และลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าไฮเออร์ก็กลับมาซื้ออีกครั้งนั่นเอง
นอกจาก 3 กลยุทธ์หัวใจของการทำตลาดทั่วไปโลก ไฮเออร์ก็เสริมแผนให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ อย่างในยุคที่ Digital Transformation ก็เดินหน้าพัฒนาสินค้าและระบบหลังบ้านให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคดิจิทัลมากที่สุด อย่างการพัฒนาสินค้ารุ่น Premium ที่มี นวัตรกรรม IoT ลูกค้าสามารถสั่งการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ ได้ง่าย ๆ เพียงผ่าน แอปพลิเคชัน Haismart เป็นต้น หรือขยับไปสู่ช่องทาง Social Media มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Line official, Facebook, X (Twitter), Instagram และ TikTok เพื่อสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ ไปยังผู้บริโภค ในขณะเดียวกันลูกค้าก็สามารถติดต่อกับไฮเออร์ได้หลากหลายช่องทางสะดวกมากขึ้น
หรือล่าสุดต้นปีนี้ ไฮเออร์ทั่วโลก ได้พลิกโฉมครั้งใหญ่ โดยการเปลี่ยน Slogan จาก Inspired Living เป็น More Creation, More Possibilities โดยไฮเออร์ เชื่อว่าความร่วมมือกันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราไม่มีขอบเขตระหว่างกันและสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ทำให้ในอนาคต โลกของเราจะเต็มไปด้วยสิ่งที่น่ามหัศจรรย์อันไม่มีที่สิ้นสุด ดังที่ไฮเออร์ได้คิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ในอดีตไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ปัจจุบันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว อย่างเช่น สามารถสั่งเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้จากนอกบ้าน โดยการสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน เป็นต้น
ไฮเออร์ ปักหมุดธุรกิจ หวังครองที่หนึ่งในไทย
ปัจจุบัน ไฮเออร์ มีการจัดจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ กว่า 230,000 จุดจำหน่ายทั่วโลก รวมถึงในไทยที่ ไฮเออร์ เข้ามาทำตลาดได้นานกว่า 2 ทศวรรษ ทั้งนี้ ไฮเออร์เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Southeast Asia ที่น่าจับตามอง จึงได้จัดตั้งโรงงานผลิต รวมถึงตั้งบริษัท ไฮเออร์ ประเทศไทย เพื่อรุกตลาดจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
พร้อมเดินหน้าทุ่มงบการตลาดอย่างต่อเนื่องปีละ 1,000 ล้านบาท ทั้งในแง่การประชาสัมพันธ์และการเพิ่มช่องทำจัดจำหน่าย เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับสินค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ตู้แช่ ทีวี เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก และ เครื่องทำน้ำอุ่น โดยตั้งเป้าเป็นที่ 1 ของตลาดไทยในสินค้าเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า และมียอดขาย 10,000 ล้านบาท ภายในปีหน้า
แม้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไฮเออร์ ประเทศไทย จะสร้างยอดขายโตได้กว่า Double-Digit มาตลอด แต่ต้องยอมรับว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้หมื่นล้านไม่ง่าย ทว่า มร. ต่ง เจี้ยนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่าด้วยการดำเนินงานโดยให้ความใส่ใจผู้บริโภคชาวไทย โดยนำสินค้าที่เหมาะสมมาจำหน่าย ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในแง่ของนวัตกรรมที่ทันสมัย และคุณภาพสินค้าที่ดีทนทานต่อการใช้งาน รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ตามแผนที่ตั้งไว้
สำหรับแผนการตลาดที่เตรียมไว้ในปีนี้ ยังคงเน้นไปที่การทำ Sport Marketing เพราะต้องการให้คนไทยสุขภาพแข็งแรงทั้งจากการออกกำลังกาย และการมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีอย่างไฮเออร์ไว้ใช้งานภายในครัวเรือน โดยแบรนด์แอมบาสเดอร์ คือ คุณปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ (บอย) นักแสดงมากความสามารถ และ คุณทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย (ปอป้อ) นักแบดมินตันดีกรีแชมป์โลกประเภทคู่ผสม ซึ่งการทำตลาดผ่านชนิดกีฬาได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี อาทิ การจัดงานวิ่งมินิมาราธอน กิจกรรมแบดมินตันเยาวชน หรือ การสนับสนุนการแข่งแบดมินตันรายการต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น PRINCESS SIRIVANNAVARI Thailand Masters 2024 และ TOYOTA Thailand Open 2024 ก็ได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมแต่ละกิจกรรมมากกว่า 5,000 ราย ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้น รวมถึงยังเดินหน้าทำ CSR อย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริจาคในรูปแบบของเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ทางการแพทย์ เงินสำหรับกิจกรรมให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และ เอกชน
การทุ่มเทและมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้ง ของไฮเออร์ในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของไฮเออร์ ล้ำสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานทั่วโลก ผนวกกับการสื่อสารแบรนด์อย่างสร้างสรรค์ เสริมให้แบรนด์ยิ่งแข็งแกร่ง เหล่านี้เชื่อว่าจะทำให้ไฮเออร์ยังรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกได้ต่อไป และสร้างให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคชาวไทยในฐานะผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีคุณภาพได้อย่างยั่งยืน