HomeInsightเทรนด์การตลาด 2024 จับตากลุ่มรีเทล-ซูเปอร์แอป กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อโฆษณามาแรง 

เทรนด์การตลาด 2024 จับตากลุ่มรีเทล-ซูเปอร์แอป กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อโฆษณามาแรง 

แชร์ :

นีลเส็น ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลอินไซต์เทรนด์การตลาด 2024 และพฤติกรรมผู้บริโภคไทย รวมทั้งสิ่งที่นักการตลาดให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์ ผ่านงานสัมมนา Unlock the secrets behind Thailand marketing trend 2024 โดยคุณรัญชิตา ศรีวรวิไล Thailand Vertical Lead – Advertiser and Agency  สรุปประเด็นสำคัญดังนี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

1. เม็ดเงินโฆษณาส่งสัญญาณบวกทั้งเอเชียแปซิกและไทย

– จากการสำรวจ 2024 Nielsen Global Annual Marketer Survey พบว่าแม้เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว แต่นักการตลาดทั่วเอเชียแปซิฟิก 82% วางแผนใช้เม็ดเงินค่าโฆษณามากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ  รวมทั้งค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 72%

– นักการตลาดส่วนใหญ่จะใช้เม็ดเงินไปที่ Social Media เป็นหลัก หรือสัดส่วน 80% ตามด้วย Search 76%  Video : Online/Mobile 76%  Display: Online/Mobile 75%  OTT-TV/CTV  74%

– สื่อที่กำลังมาแรงในเอเชียแปซิฟิก คือ Retail Media Network หรือการลงโฆษณาผ่านเว็บ/แอปพลิเคชันของบริษัทรีเทล ห้างร้านต่างๆ เพราะปัจจุบันคนเอเชียซื้อของออนไลน์มากขึ้น เช่น ไทย สัดส่วน 43%  สิงคโปร์ 64% มาเลเซีย 61%  อินโดนีเซีย 59% ฟิลิปปินส์ 58%  ทำให้ยอดการเข้าถึงเว็บและแอปจึงเติบโตสูง กลุ่มรีเทลจึงใช้กลายเป็น Media Platform ช่องทางโฆษณสินค้าที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง เช่น แอป The1 รวมทั้ง Super App  ต่างๆ ที่มีผู้มีใช้งานจำนวนมากได้กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อ ที่สินค้าต่างๆ มาใช้พื้นที่โฆษณา  ไม่ว่าเป็น  Grab Ads, Panda ads, LINE Ads พบว่านักการตลาดในเอเชียแปซิฟิกกว่า 79% วางแผนใช้เงินโฆษณาในกลุ่มนี้มากขึ้น

– เม็ดเงินโฆษณาในประเทศไทย 4 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่า 37,919 ล้านบาท เติบโต 4% จากปีก่อน  โดย “ทีวี” ยังมีสัดส่วนสูงสุด  ส่วนสื่อที่เติบโตสูงสุดคือ โรงภาพยนตร์ เนื่องจากมีหนังดังเข้าโรงจำนวนมาก

– อุตสาหกรรมที่ใช้เม็ดเงินมากสุดคือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่า 4,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% กลุ่มที่มีการใช้เงินเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดคือกลุ่มรถยนต์ เติบโต 45% โดยเฉพาะโฆษณารถในเซกเมนต์ HEV รถกระบะ และรถ EV ส่วนกลุ่มที่น่าจับตามองคือกลุ่มสินค้า Luxury ที่เติบโตถึง 300% โดยกลุ่มนี้ใช้เงิน 77% ไปกับสื่อนอกบ้าน (Out of home) ส่วนกลุ่มที่ใช้เงินลดลงอย่างเห็นได้ชัดคือ กลุ่ม Online Marketplace ลดลง 64% โดยใช้งบสื่อดั้งเดิมลดลงและโฟกัสไปที่สื่อออนไลน์มากขึ้น

2. คนไทยพูดถึง “ลาบูบู้” มากสุดในโลก

–  พฤติกรรมผู้บริโภคไทยกลุ่ม Gen Z และ Gen Y  สัดส่วน 37% ชอบเขียนรีวิวออนไลน์ และกว่า 50% ของกลุ่มนี้เชื่อคอนเทนต์รีวิว ซึ่งสะท้อนว่าโซเชียลมีเดียมีผลต่อคนรุ่นใหม่ค่อนข้างสูง

– สำหรับสิ่งที่กำลังเป็นกระแส Talk of the town ในประเทศไทย คือ “ลาบูบู้”  เกิดขึ้นจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่การพูดถึงเป็นจำนวนมาก หรือกว่า 644,000 ครั้ง ระหว่างวันที่ 13 เมษายน-11 พฤษภาคม 2567  เป็นผู้หญิง 63.5%  และผู้ชาย 36.5%  อายุ 18-24 ปี  สัดส่วนสูงสุด 65.2%   อายุ 25-34 ปี สัดส่วน 32.8% จากข้อมูล Nielsen Social Listening พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการพูดถึง “ลาบูบู้” มากที่สุดในโลก

ละครบางกอกคณิกา ทางช่องวัน  เป็นกระแสแรงในโลกออนไลน์ มีคนพูดถึงละครเรื่องนี้กว่า 5.1 ล้านครั้ง (วันที่ 17 เมษายน-15 พฤษภาคม) กลุ่มที่พูดถึงมากสุดคืออายุ 18-24 ปี สัดส่วน 60.8%  อายุ 25-34 ปี  สัดส่วน 37.2%  โดยแฮชแท็กที่ได้รับความนิยมสูงสุด #อิงฟ้ามหาชน

3. นักการตลาดให้ความสำคัญสร้างแบรนด์มากที่สุด  

– จากการสำรวจ 2024 Nielsen Global Annual Marketer Survey พบว่านักการตลาดเอเชียแปซิฟิกได้โหวตให้ Brand Awareness เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำการตลาด 31%  รองลงมาคือ รายได้เติบโต 26% Customer retention 19%

– แต่เมื่อถึงเวลาใช้เงินจริง นักการตลาดกว่า 80% จะโฟกัสที่ Brand performance มากกว่า เช่น การทำโปรโมชัน เพื่อให้เกิดการซื้อทันทีหรือการทำให้รายได้โตขึ้น และลดการสร้างแบรนด์ลง

– จากการศึกษาของนีลเส็น พบว่าถ้าอยากจะโฟกัสการสร้างแบรนด์  การใช้ “ทีวี” ยังเป็นสื่อที่เห็นผลได้ดีที่สุด เนื่องจากเข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม รองลงมาเป็นสื่อดิจิทัล วิดีโอ

–  หากมีการลงทุนในสื่อเพื่อสร้างแบรนด์ระยะยาว จะทำให้ยอดขายในอนาคตเพิ่มขึ้นได้ 2-3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับใช้สื่อเพื่อหวังผลยอดขายระยะสั้น  โดยเน้นสร้างการรับรู้เพื่อให้คนรักแบรนด์ เน้นเข้าถึงในวงกว้าง

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like