วันนี้ (15 ก.ค.2567) คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 4/2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
การประชุมวันนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดลงทะเบียน และการดำเนินการในภาพรวมที่จะรองรับการใช้งานของประชาชนและร้านค้า โดยมีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมไปถึงการลงรายละเอียดเงื่อนไขของการรับสิทธิ์ และมาตรการป้องกันการทุจริต การเรียกเงินคืนให้ชัดเจน
“โครงการดิจิทัลวอลเล็ต คือ โครงการใหญ่ของภาครัฐที่จะเติมเงินกระเป๋าประชาชน ผู้ประกอบการ และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม เพื่อความละเอียดรอบคอบทั้งทางกฎหมาย และทางเทคนิค โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ทำให้ใช้เวลาดำเนินการมากหน่อย แต่พี่น้องไม่ต้องคอยเก้อแน่นอน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทางด้าน คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบโครงสร้างแหล่งที่มาของเงินในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ใหม่ สาเหตุที่มีการปรับเปลี่ยน เพราะได้ดำเนินการตามข้อห่วงใยของหน่วยงานตรวจสอบ จากการดูแลแหล่งที่มาของเงินและกรอบวงเงิน ต่างๆ
1. โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ไม่ได้ลดขนาดโครงการยังเป็นจำนวน 50 ล้านคนเหมือนเดิม (แต่โครงการในอดีตของรัฐ ไม่เคยมีโครงการไหนที่มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมเกิน 90%) จึงได้ตั้งงบประมาณโครงการเติมเงิน Digital Wallet ใหม่ จากเดิมตั้งงบประมาณ 500,000 ล้านบาท ได้ตั้งงบประมาณใหม่ไว้จำนวน 450,000 ล้านบาท มีผู้เข้าร่วมโครงการ 45 ล้านคน แต่หากมีคนลงทะเบียนน้อยกว่าหรือมากกว่า ก็จะใช้กลไกบริหารงบประมาณให้เพียงพอสำหรับโครงการ
2. เปลี่ยนแปลงแหล่งที่มาของวงเงิน โดยไม่ได้ใช้วงเงินตามมาตรา 28 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 172,300 ล้านบาทแล้ว
3. กำหนดแหล่งที่มาของงบประมาณโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet มาจากงบประมาณปี 2567 และปี 2568 ซึ่งเพียงพอและสามารถดำเนินการได้ตามกรอบงบประมาณ แบ่งเป็น ปี 2567 งบประมาณเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท จะนำเสนอเข้าสภาฯ ในวันที่ 17 ก.ค. 2567 บวกกับงบประมาณในการบริหารจัดการทางการคลังและการบริหารงบประมาณ 43,000 ล้านบาท งบประมาณปี 2568 จำนวน 152,000 ล้านบาท และงบประมาณการบริหารจัดการทางการคลังและการบริหารงบประมาณ 132,000 ล้านบาท เป็นการตั้งงบประมาณแบบขาดดุลในปี 2568
โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เบื้องต้นกำหนดให้ซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคและบริโภคได้
สำหรับรายละเอียดของสินค้าที่กำหนดให้ซื้อได้และซื้อไม่ได้ (Negative List) กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้กำหนด Negative List ทั้งเพิ่มเติมและปรับลดตามความจำเป็นและสถานการณ์อีกครั้ง
นอกจากนี้ได้มีการตัดสิทธิผู้ประกอบการทั้งร้านค้าและบุคคลเพิ่มเติม คือ กลุ่มบุคคลที่เคยทำผิดเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการของรัฐในอดีตและถูกฟ้องร้องเรียกเงินคืน ซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นราย จะถูกตัดออกไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้
โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะชี้แจงสรุปรายละเอียดโครงการทั้งหมดในวันที่ 24 ก.ค.2567 รวมทั้งกรอบเวลาการเปิดและปิดลงทะเบียน โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เพื่อเช็คสิทธิและยืนยันตัวตนผ่านระบบ KYC
ผู้มีสิทธิลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet คือ ประชาชนที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน มีสัญชาติไทย ณ เดือนที่มีการลงทะเบียนอายุเกิน 16 ปี ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี (หรือ 70,000 บาทต่อเดือน) ณ สิ้นปี 2566 และมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท รวมทุกบัญชี (ไม่นับรวมสลากออมทรัพย์ สลากออมสิน หุ้น พันธบัตร) โดยนับถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE