ท่ามกลางกระแสความสนใจในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก การปรากฏตัวของ “ดร.Andrew Ng” ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ระดับโลก และ Managing General Partner ของ AI Fund บนเวที KBTG Techtopia นับเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับวงการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพในไทย เพราะไม่เพียงแต่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับ AI แต่ยังสามารถต่อยอดเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์ในการทำธุรกิจ และนำไปสู่การพัฒนาและนวัตกรรมที่ก้าวหน้าต่อไปได้อีกหลายด้าน
BEARING.ai แรงบันดาลใจใหม่สตาร์ทอัพ
หนึ่งในเรื่องที่ ดร. Andrew Ng กล่าวถึงคือ สตาร์ทอัพ BEARING.ai ของ Dylan Keil กับการติดตั้งเซนเซอร์จำนวนมากลงบนเรือเดินสมุทรเพื่อส่งค่าต่าง ๆ กลับเข้าสู่ระบบเพื่อให้ AI นำค่าเหล่านั้นมาวิเคราะห์ต่อไป ผลก็คือ ระบบได้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเรือและการเดินเรือแบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์และลดค่าใช้จ่ายให้การเดินเรือทะเลได้ในหลายด้าน เช่น
- สามารถระบุได้ว่า เรือลำนั้นมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน ต้องทำสัญญาในการเดินเรืออย่างไรจึงจะเหมาะสม เบี้ยประกันภัยควรจะเป็นเท่าไร การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเรือเป็นอย่างไร ภาษีคาร์บอนที่อาจเกิดขึ้นควรอยู่ที่เท่าไร ฯลฯ
ทั้งนี้ ในมุมของ ดร.Andrew Ng ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับการใช้ AI ของ BEARING.ai ว่า เป็นอีกหนึ่งแนวทางของสตาร์ทอัพในการสร้างความแตกต่างและการเติบโต
AI จะสร้างผลกระทบในหลายอุตสาหกรรม
อีกหนึ่งข้อมูลที่ Andrew Ng นำมากล่าวถึงบนเวทีคือ ผลการศึกษาของ McKinsey ที่ระบุว่า AI จะสร้างผลกระทบในหลายอุตสาหกรรม และผู้ที่ได้รับผลกระทบลำดับต้น ๆ คือกลุ่มพนักงานที่มีค่าจ้างสูง ส่วนอาชีพที่ได้รับผลกระทบก่อนใครก็คือ กลุ่มนักการศึกษา นักกฎหมาย ฯลฯ ซึ่งในจุดนี้ เขากล่าวด้วยว่า เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ เพราะในขณะเดียวกัน AI ก็จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นด้วย และการคว้าโอกาสนั้นให้ได้เป็นสิ่งจำเป็น
อนาคตของ AI จะผสานอยู่ในอุปกรณ์ – กระบวนการต่าง ๆ
ในมุมของ ดร.Andrew Ng เกี่ยวกับอนาคตของ AI นั้น เขาตอบตรง ๆ ว่าไม่ทราบ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้อธิบายภาพของการใช้งาน AI ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่า จะเข้าไปอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ – กระบวนการต่าง ๆ มากขึ้น เช่น การเข้าไปช่วยให้การขับขี่รถยนต์มีความปลอดภัยมากขึ้น เป็นต้น (ผ่านการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบตัวรถ) พร้อมเตือนด้วยว่า ไม่ว่า AI จะฉลาดขึ้นแค่ไหน มนุษย์ก็ไม่ควรคาดหวังว่า AI จะสามารถทำได้ทุกอย่างแบบที่มนุษย์ทำได้
AI and Thailand
แต่ละประเทศมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน และการใช้งาน AI ของแต่ละประเทศก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน โดยในมุมของ ดร. Andrew Ng เขาได้ยกตัวอย่างจุดแข็งของประเทศไทยไว้ 3 ข้อ นั่นคือ ด้าน HealthCare, การเกษตร และภาคการท่องเที่ยว นอกจากนั้น AI ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการศึกษา และสร้างการเติบโตให้กับวงการสตาร์ทอัพของไทยได้ด้วย
AI สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ 15.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
ด้านคุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส – เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เผยว่า AI สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับโลกได้เทียบเท่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา หรือคิดเป็นมูลค่า 15.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ภูมิภาคเอเชีย AI สามารถเพิ่ม GDP ได้ราว 10% เลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ การเข้าถึง AI จึงเป็นสิ่งจำเป็น และทำให้ภายในงาน Techtopia มีการลงนามใน MOU สองฉบับเพื่อสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการเข้าถึง AI โดยฉบับแรก เป็นการลงนามของ KBTG กับ Deeplearning.ai และ AIAT เพื่อสร้าง KBTG.AI Kampus สำหรับฝึกทักษะด้าน AI ให้กับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของไทย
ส่วนฉบับที่สองเป็นการพัฒนา AI Assistant เพื่อช่วยในการเรียนของเด็กไทย โดยเป็นการจับมือกับ AI Fund และ EEF เพื่อให้เด็กไทยและครูไทยได้เข้าถึง AI Technology รวมถึงเป็นตัวช่วยให้ครูในการสอน
น่าสนใจว่า ท่ามกลางความคาดหวังให้ประเทศไทยเร่งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจรอบใหม่ การมาถึงของ AI และมุมมองของ ดร.Andrew Ng ในครั้งนี้ อาจช่วยจุดประกายให้กับผู้ประกอบการและนักพัฒนาชาวไทยในการนำศักยภาพของ AI มาใช้สร้างนวัตกรรม และสามารถผลักดันให้ไทยมีที่ยืนในโลกที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดนี้ก็เป็นได้