เปิดกลยุทธ์ลับ ในการทำ SEO ให้แก่ธุรกิจทางการแพทย์และคลินิกเสริมความงามอย่างมืออาชีพ ฉบับอัปเดตใหม่ 2024 ด้วย Insight จากเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้าน SEO
ธุรกิจทางการแพทย์หรือคลินิกเสริมความงามเป็นธุรกิจที่มีเนื้อหาค่อนข้างละเอียดอ่อน เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของมนุษย์ หากผู้บริโภคได้รับข้อมูลผิด ๆ ก็อาจจะเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น จึงทำให้มีข้อห้ามมากมายในการทำการตลาดให้แก่ธุรกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะกับการทำ SEO เว็บไซต์ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด แล้วคุณจะทำอย่างไรให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเอาชนะคู่แข่งบน Google ได้?
และนี่คือ 7 กลยุทธ์ในการทำ SEO ให้แก่ธุรกิจทางการแพทย์และคลินิกเสริมความงาม ฉบับอัปเดต 2024 เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 เหนือคู่แข่งอย่างยั่งยืน ก่อนที่คุณจะไปจ้างเอเจนซี่รับทำ SEO ลองมาทำความเข้าใจและเริ่มต้นด้วยตัวเองดูก่อน บอกเลยว่าเพียงแค่คุณเข้าใจ เรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่คาดไว้ อย่างแน่นอน! (ขอขอบคุณข้อมูล จาก ANGA Bangkok)
1. ปรับปรุงเว็บไซต์ให้สะดวกต่อการใช้งาน
ทุกวินาทีนับตั้งแต่ที่ผู้ใช้กดเข้าบนเว็บไซต์ของคุณ จะถูกนับและนำไปประเมินประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ถ้าผู้ใช้อยู่บนเว็บไซต์นาน มีการคลิกดูข้อมูลหลาย ๆ หน้า แปลว่าเว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพ ใช้งานสะดวก และช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้ ซึ่งจะส่งผลทำให้อันดับ SEO ของคุณสูงขึ้นตามไปด้วย เช่น
- การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์และเมนูต่าง ๆ อย่างเรียบง่าย เป็นระเบียบ ไม่ซับซ้อน
- การปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ ให้ใช้ระยะเวลาในการโหลดหน้าเว็บไม่เกิน 3 วินาที
- เว็บไซต์รองรับการแสดงผลบนทุกอุปกรณ์ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ (Mobile Friendly)
- มีการวางเนื้อหา รูปภาพ วิดีโอ หรือองค์ประกอบต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบและอ่านง่าย
2. ทำ Keyword Research
Keyword Research เป็นกระบวนการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะกับธุรกิจมากที่สุด แนะนำให้เลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจง มีปริมาณการค้นหาไม่สูงจนเกินไป และเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับ Pain Point ของกลุ่มเป้าหมาย เช่น วิธีลดเหนียง, ฟันผุ ทำไง, แขนใหญ่ ลดยังไง, ปวดท้องตรงกลางเป็นเพราะอะไร, รักษาสิว, กดสิว เจ็บไหม ฯลฯ โดยการใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner, Ubersuggest, Ahrefs หรือ SEMrush
3. สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และมีคุณภาพ
ธุรกิจทางการแพทย์จะเติบโตได้ ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้รับบริการ การสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ด้วยข้อมูลจริง จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแพทย์โดยเฉพาะ จะช่วยให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก และคนส่วนใหญ่ก็มักจะแชร์เนื้อหาความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้กับคนรอบข้าง แนะนำให้เขียนเนื้อหา โดยอิงจาก E-E-A-T Factor
- E (Experience) : เขียนเนื้อหาด้วยประสบการณ์ส่วนตัว ทำให้เนื้อหามีความแตกต่าง
- E (Expertise) : เขียนเนื้อหาเชิงลึกและเขียนอย่างละเอียด เพื่อแสดงถึงความเชี่ยวชาญ
- A (Authoritativeness) : การสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจเดียวกัน จนเว็บไซต์อื่น ๆ นำข้อมูลไปใช้และทำ Backlink กลับมา
- T (Trustworthiness) : เนื้อหาสดใหม่ ไม่ซ้ำใคร และมีการอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
4. หลีกเลี่ยง “คำต้องห้าม”
เว็บไซต์ที่มีการใช้ “คำต้องห้าม” ตามประกาศสบส. มีโอกาสที่จะโดนลงโทษจาก Google และทำให้อันดับเว็บไซต์ตกลงต่ำกว่าเดิมได้ ดังนั้น คุณควรศึกษาว่าคำต้องห้ามของธุรกิจทางการแพทย์และคลินิกเสริมความงาม มีคำว่าอะไรบ้าง และทำไมถึงถูกห้ามใช้ ซึ่งเราก็เอาตัวอย่างมาฝากกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดขึ้น
- คำที่โอ้อวดเกินจริง : อันดับ 1, ดีที่สุด, หาย 100%, เห็นผลถาวร, ไม่ต้องพักฟื้น ฯลฯ
- คำโฆษณาเกินจริง : ฟรี, รับประกันผลลัพธ์, การันตีความพึงพอใจ, ก่อนและหลังทำ ฯลฯ
- คำที่ใช้ภาษาเกินจริง : อ่อนเยาว์, ไร้ริ้วรอย, หุ่นดี, ขาวใส, ครบจบในที่เดียว ฯลฯ
- คำที่เป็นไปไม่ได้ : หน้าเด็กลง 10 ปี, เห็นผลภายใน 1 สัปดาห์, เปลี่ยนขาโก่งเป็นขาตรง ฯลฯ
- และอื่น ๆ อีกมากมาย
5. แสดงความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือ
“แพทย์” เป็นผู้ที่มีอิทธิพลอย่างมาก สำหรับธุรกิจทางการแพทย์และคลินิกเสริมความงาม ซึ่งรวมถึงชื่อเสียงของสถานพยาบาลด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าธุรกิจของคุณจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและลูกค้าเก่าจำนวนมาก แต่ก็อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือในสายตาของกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ หากไม่ได้มีการแสดงความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือให้พวกเขาเห็น เพราะฉะนั้น ลองมาเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจด้วยการเพิ่มสิ่งเหล่านี้ลงไปในเว็บไซต์ได้เลย!
- เพิ่มข้อมูลแพทย์ (รูป, ชื่อ-นามสกุล, ความเชี่ยวชาญ, การศึกษา)
- รางวัลที่แพทย์และสถานพยาบาลได้รับ
- เทคโนโลยี ระบบ เครื่องมือ อุปกรณ์ที่นำมาใช้ในสถานพยาบาล
- จุดเด่นและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่เลือกใช้
- ภาพห้องต่าง ๆ และบรรยากาศภายในสถานพยาบาล
- ภาพและวิดีโอรีวิวจากผู้รับบริการจริง
- เพิ่มคำถามที่พบบ่อย (FAQ) เพื่อตอบคำถามผู้ใช้งานอย่างรวดเร็ว
- การอัปเดตข่าวสารทางการแพทย์ และข่าวสารการเข้าร่วมงานต่าง ๆ อยู่เสมอ
6. สร้างโปรไฟล์ธุรกิจท้องถิ่นผ่าน GMB
GMB หรือ Google My Business คือเครื่องมือการสร้างโปรไฟล์ธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการฟรีจาก Google มีไว้เพื่อให้ลูกค้าของคุณเจอกับธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น โดย GMB จะแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณอย่างครอบคลุม อาทิ ที่ตั้ง, แผนที่การเดินทาง, วันเวลาเปิดทำการ, เว็บไซต์, เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ, สินค้าและบริการ, คำอธิบายธุรกิจ และยังมีฟีเจอร์ “รีวิว” เพื่อให้ลูกค้าเก่าได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจของคุณด้วย
Google My Business ช่วยเพิ่ม Organic Traffic ได้มาก อีกทั้งยังทำให้ธุรกิจมีตัวตนและมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับที่ดีบน Google ด้วย รีบเช็กตอนนี้! ว่าธุรกิจของคุณมีโปรไฟล์หรือยัง ถ้ายังต้องรีบไปทำด่วน ไม่แน่ว่าบางทีสร้างเสร็จปุ๊บ ยืนยันตัวตนปั๊บ อันดับเว็บไซต์อาจจะขยับขึ้นในวันถัดไปก็เป็นได้
7. สร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ
Backlink คือการลิงก์ของเว็บไซต์คุณ ที่ถูกคลิกมาจากเว็บไซต์อื่น ซึ่ง Backlink ก็จะคล้าย ๆ กับคะแนนโหวตความนิยม ยิ่งมีมาก ก็ยิ่งดี แต่ Backlink ที่ Google มองว่าดี จะต้องมาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพเท่านั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีเป็นร้อยเป็นพันลิงก์ ขอแค่เว็บไซต์ต้นทางเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพก็เพียงพอแล้ว ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่เหมาะกับการทำ Backlink คือ
- เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหาเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ
- เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพและเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน
- เว็บไซต์ที่มีการส่งลิงก์กลับมาแบบ Do-Follow
- เว็บไซต์ที่มีค่า Domain Rating (DR) หรือ URL Rating (UR) และ Page Authority (PA)สูง
- เว็บไซต์ที่มีค่า Spam Backlink ต่ำ
จบไปแล้วกับบทความ “กลยุทธ์ทำ SEO ธุรกิจการแพทย์-คลินิกความงาม 2024” หวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับธุรกิจของคุณไม่มากก็น้อย! สำหรับใครที่ทำ SEO เองไม่เป็น ลองหาเอเจนซี่รับทำ SEO สายขาวที่น่าเชื่อถือและมีประสบการณ์ในการทำ SEO ให้กับธุรกิจทางการแพทย์เข้ามาช่วยในช่วงแรกจะเป็นการดีที่สุด เพราะพวกเขาสามารถแนะนำวิธีการทำ SEO ที่ถูกต้องได้ แถมยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ติดอันดับเร็วยิ่งขึ้นได้อีกด้วย