จีนโชว์ศักยภาพเทคโนโลยี 5.5G หรือ 5G Advance พร้อมเผยโฉม 20 เมืองใหญ่ให้บริการ Robotaxi แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอู่ฮั่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเฉิงตู เป็นต้น โดยแต่ละเมืองพบว่ามีรถ Robotaxi ให้บริการมากกว่า 1,000 คัน และด้วยเทคโนโลยี 5.5G ทำให้สามารถควบคุมรถเหล่านั้นได้จากระยะไกล ในกรณีที่รถมีปัญหา ก็สามารถบังคับรถให้กลับเข้าจุดซ่อมได้เองอีกด้วย
สำหรับคนไทยหลายคนที่คุ้นเคยกับชื่อเทคโนโลยีเครือข่าย 5G วันนี้อาจกล่าวได้ว่า มีหลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มอัปเกรดไปสู่เทคโนโลยี 5.5G หรือ 5G Advance กันแล้ว เช่น ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ฯลฯ โดยข้อมูลจากงาน Asia-Pacific ICT Summit 2024 พบว่า มีการนำเทคโนโลยีเครือข่าย 5.5G ไปสร้างธุรกิจใหม่ได้มากมาย หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การให้บริการ Robotaxi ในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่กำลังกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผ่านผู้ให้บริการในจีนที่เราคุ้นชื่อกันดี เช่น Baidu, Tencent, Alibaba, DiDi, Pony.ai ฯลฯ
สำหรับจุดเด่นของบริการ Robotaxi ที่นำมาจัดแสดง คือสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เส้นทางการวิ่งที่ครอบคลุมพื้นที่ในหัวเมืองใหญ่ต่าง ๆ แล้วถึง 50% และสามารถเรียกใช้ได้ในหลายรูปแบบ เช่น เรียกรถจากสนามบิน เรียกรถเพื่อไปส่งยังชอปปิงมอลล์ต่าง ๆ รวมถึงโรงพยาบาล และที่พักอาศัย ซึ่งข้อมูลจาก Huawei ระบุด้วยว่า การมีบริการ Robotaxi สามารถลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้ 10 เท่า
ทั้งนี้ ตามกฎหมายของจีน รถประเภท Robotaxi สามารถวิ่งบนถนนสาธารณะด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบนทางด่วนด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ปัจจุบัน รถยนต์ประเภทดังกล่าวมีการรับส่งผู้โดยสารเฉลี่ย 20 รายต่อวัน (ต่อหนึ่งคัน) ซึ่งในภาพรวมมีการเรียกใช้ประมาณ 6 ล้านครั้งต่อวัน คิดเป็นระยะทางในการวิ่งรับส่ง 100 ล้านกิโลเมตรเลยทีเดียว โดยค่าใช่จ่ายที่ลดลงไปจากการมาถึงของรถแท็กซี่อัจฉริยะก็คือเงินเดือนของคนขับรถ (จากเดิมบริษัทรถแท็กซี่จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 5,300 – 7,000 หยวนต่อเดือนต่อคน)
ส่วนในมุมของผู้ใช้บริการ ก็พบว่าประหยัดได้มากขึ้นเช่นกัน โดยบริการ Robotaxi คิดค่าบริการเฉลี่ยกิโลเมตรละ 0.67 หยวน ซึ่งถูกกว่าการเรียกรถแท็กซี่ผ่านระบบออนไลน์ที่มีค่าบริการฉลี่ยเอยู่ที่ 1.4 – 1.6 หยวนต่อกิโลเมตรนั่นเอง
เปิดจุดเด่นเครือข่าย 5.5G สร้างธุรกิจใหม่ในจีน
ทั้งนี้ จุดเด่นของเครือข่าย 5.5G หรือ 5G Advance นั้น ประกอบด้วย
- ความเร็วเพิ่มขึ้นกว่าเครือข่าย 5G ถึง 10 เท่า (5.5G ให้ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงถึง 10 กิกะบิตต่อวินาที) และความเร็วในการอัปโหลดขั้นต่ำที่ 500 เมกะบิตต่อวินาที
- ค่าความหน่วงต่ำกว่า 5G ซึ่งรองรับการทำงานของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ต้องการการตัดสินใจแบบเรียลไทม์
- สามารถรองรับการทำงานของ AI และเครือข่ายอัตโนมัติได้ดียิ่งขึ้น
ด้านคุณอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการ ฝ่ายขายกลุ่มธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคม ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Huawei ได้กล่าวถึงการปรับใช้เทคโนโลยี 5.5G ที่เกิดขึ้นในจีนและอีกหลายประเทศทั่วโลกไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า ความก้าวหน้าของ 5.5G จะเป็นพื้นฐานของบริการใหม่ ๆ ได้อีกมากมาย เช่น
- การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT จำนวนมาก (รองรับได้มากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อตารางกิโลเมตรและมีระยะทางการสื่อสารที่ไกลขึ้น)
- การให้บริการ Vehicle-to-Everything (V2X)
- การให้บริการแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- การสร้างประสบการณ์แบบ 3D, MR, AR เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการยกตัวอย่างโรงงานอัจฉริยะของ Midea Thailand ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นต้นแบบโรงงานที่สามารถบริหารจัดการการผลิต ระบบโลจิสติกส์ การตรวจสอบคุณภาพสินค้า ให้เห็นภาพมากขึ้นด้วย