HomeSponsored“เริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss?” ซีซั่น 2 แคมเปญสร้าง Employer Branding จาก SC Asset สะท้อนตัวตนและการทำงานคนอสังหาฯ ผ่าน PODCAST และ CV สุด Real

“เริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss?” ซีซั่น 2 แคมเปญสร้าง Employer Branding จาก SC Asset สะท้อนตัวตนและการทำงานคนอสังหาฯ ผ่าน PODCAST และ CV สุด Real

แชร์ :

เพราะการทำธุรกิจทุกวันนี้เต็มไปด้วยความผันผวน ต้องเจอโจทย์ท้าทายใหม่ๆ และคู่แข่งนับร้อยนับพัน การจะพาองค์กรก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และยังคงรักษาความเป็น Top of Mind ในใจผู้บริโภคทุกยุคสมัย จึงไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากการมีผู้นำองค์กรที่เก่ง และกลยุทธ์การตลาดที่ใช่แล้ว “คน” หรือ “พนักงาน” ยังเป็นอีกคีย์ไดร์ฟสำคัญ เพราะการมี Talent เก่งๆ ในองค์กรไม่เพียงจะช่วยให้องค์กรพัฒนาสินค้าและบริการได้โดนใจผู้บริโภค ทว่ายังทำให้องค์กรแตกต่างจากคู่แข่งด้วย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ทำให้องค์กรยุคใหม่หันมาพัฒนาความสามารถของคนทำงาน พร้อมกับดึงคนเก่งๆ เข้ามาในองค์กร หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset จนทำให้สามารถดึงคนที่ใช่มาร่วมทีม ทั้งยังลดอัตราการลาออกของพนักงาน และทำให้แบรนด์อยู่ในการจดจำของคนทำงาน ล่าสุด SC Asset จึงต่อยอดแคมเปญ “เริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss?” สู่ Season 2 ในรูปแบบ PODCAST และ CV เป็นครั้งแรก เพื่อถ่ายทอดการทำงานจริงของคนอสังหาฯ รวมถึงสไตล์การทำงานของหัวหน้างานให้เห็นมากขึ้น เบื้องหลังวิธีคิดแคมเปญนี้มีที่มาเป็นอย่างไร?

Brand Buffet ชวนมาคุยกับ คุณโฉมชฎา กุลดิลก หัวหน้าสายงานกลยุทธ์แบรนด์และสื่อสารองค์กร และ คุณพุฒิกานต์ เอารัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านทรัพยากรบุคคลและธุรการ พร้อมแนวทางการพัฒนา Talent ยุคใหม่ในแบบ SC Asset

ปั้น Employer Branding รับมือ Talent War    

ชื่อของ SC Asset นอกจากจะเป็นแบรนด์อสังหาฯ ที่แข็งแกร่งทั้งด้านยอดขายและเป็นผู้นำอสังหาฯ คุณภาพชั้นนำของไทยมายาวนาน ผ่านการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว คอนโด และทาวน์โฮม ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนทุก Gen แล้ว อีกหนึ่งความแข็งแกร่งของ SC Asset คือ การพัฒนาคน เพราะมองว่า คนคือ ทรัพยากรสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจอสังหาฯ เพราะตั้งแต่การเลือกทำเล ออกแบบบ้าน ไปจนถึงการให้บริการหลังการขาย ทุกอย่างต้องใช้คนทั้งสิ้น

ที่ผ่านมา SC Asset จึงให้ความสำคัญกับการเติมทักษะของพนักงานเพื่อให้คนครบเครื่อง แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป คุณโฉมชฎา ยอมรับว่า พฤติกรรมการทำงานของคนเปลี่ยนไปแบบพลิกฝ่ามือ โดยเฉพาะคนทำงานรุ่นใหม่ ไม่ได้สนใจการทำงานในองค์กรเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะสามารถหารายได้จากช่องทางอื่นได้หลากหลาย แม้อยู่บ้านก็สามารถ Create Content เพื่อสร้างรายได้ได้ ขณะที่คนเก่งๆ ถึงจะมีจำนวนมาก แต่สายงานที่ตลาดต้องการก็ถูกแย่งชิงตัวอย่างดุเดือด จนเกิด Talent War เลยเป็นที่มาของการสร้าง “Employer Branding” หรือ “แบรนด์นายจ้าง” เพื่อให้คนรุ่นใหม่ และคนเก่งๆ นึกถึง SC Asset เป็นแบรนด์แรกๆ ในใจ เมื่อคิดจะหางาน กระทั่งออกมาเป็นแคมเปญ “เริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss?” เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา

“เราไม่เคยสื่อสารเรื่องคน ที่ผ่านมาเราเน้นสื่อสารเรื่องที่อยู่อาศัยมาตลอด ทำให้ชื่อ SC Asset ไม่ได้ติดอยู่ในใจคนทำงาน พอตัดสินใจจะสร้างแบรนด์นายจ้าง ก็มานั่งคิดว่าจะเล่าเรื่องในองค์กรออกไปอย่างไร คิดไปคิดมา ในที่สุดเลยตัดสินใจเข้าไปดูในอินเทอร์เน็ตว่าคนทำงานอยากรู้เรื่องอะไร เปลี่ยนวิธีคิดจากการที่เราอยากเล่าอะไร มาเป็นคนฟังอยากฟังอะไร”

คุณโฉมชฎา บอกถึงจุดเริ่มต้นของแคมเปญเริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss? มาจากคำถามของคนทำงานรุ่นใหม่ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับองค์กร และการทำงาน เช่น อยู่ในออฟฟิศแต่งตัวอย่างไร ทำงานองค์กรใหญ่เป็นแฟนกันได้ไหม โบนัสประมาณเท่าไหร่ รวมถึงอยากรู้จักบอสที่ต้องทำงานด้วย จึงหยิบอินไซต์เหล่านี้มาเป็นไอเดียตั้งต้นในการทำคอนเทนต์ในรูปแบบ Reality โดยนำผู้บริหารมานั่งเรียงกัน เพื่อสัมภาษณ์วิธีคิดการทำงานแบบสดๆ และสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศของการทำงาน

เมื่อคลิปถูกปล่อยออกไป จึงสร้างเสียงฮือฮาโดนใจคนรุ่นใหม่อย่างมาก สะท้อนได้จากการแชร์คอนเทนต์ต่อในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะบน Twitter (X) และบน TikTok และแคมเปญยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ SC Asset ขยับขึ้นมาติด Top 20 บริษัทในไทยที่น่าทำงานด้วย รวมทั้งคนรุ่นใหม่ยังเกิดความสนใจที่จะเข้ามาทำงานในบริษัทมากขึ้น จะเห็นได้จากการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ Inside SC เกือบ 20,000 Visitors และถึงแม้จะยังไม่มีการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานนั้นๆ ก็มีการส่ง CV ทิ้งไว้ในระบบ กว่า 1,200 คนแล้ว

“เราทำให้คนทำงานจดจำได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันเมื่อเราอยากได้คน เราก็ได้คนในเวลาที่เราต้องการ และคนที่เข้ามาอยู่กับเราก็เติบโตในสายงานเพิ่มขึ้น” คุณพุฒิกานต์ ย้ำถึงความสำเร็จของแคมเปญในปีแรก

ต่อยอด Season 2 หยิบเรื่องราวการทำงานจริงของคนอสังหาฯ มาถ่ายทอดให้เห็นจริง

คุณโฉมชฏา บอกว่า ปัจจัยที่ทำให้แคมเปญเริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss? โดนใจคนทำงานรุ่นใหม่ เพราะเนื้อหาตรงกับอินไซต์ของคนรุ่นใหม่ บวกกับความ Real เนื่องจากไม่มีสคริป สัมภาษณ์กันสดๆ และตอบสดๆ จึงทำให้คนดูสนุกและชอบ และจากความสำเร็จดังกล่าว SC Asset จึงต่อยอดมาสู่แคมเปญ เริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss? Season 2 โดยวัตถุประสงค์ในการสร้างแบรนด์นายจ้างให้อยู่ในใจคนทำงานยังเหมือนเดิม แต่สิ่งที่จะเพิ่มเติมมากขึ้นคือ การขยับกลุ่มเป้าหมายมาสื่อสารกับกลุ่มวิศวกรที่มีประสบการณ์ทำงานมาระยะหนึ่ง และคนทำงานระดับ Mid-Level ในส่วนงานต่างๆ

สำหรับเหตุผลที่ขยับมาสื่อสารกับกลุ่มวิศวกร และ Mid-Level นั้น คุณพุฒิกานต์ บอกว่า วิศวกรมีบทบาทสำคัญมากต่อการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาฯ โดยเฉพาะตำแหน่งผู้จัดการโครงการ ซึ่งคิดตั้งแต่การเลือกที่ดิน แบบบ้าน จำนวนยูนิต ไปจนถึงคู่แข่ง และการทำตลาด การแย่งชิงคนในตำแหน่งนี้ค่อนข้างรุนแรง เพราะหากติดกระดุมเม็ดแรกถูก สามารถสร้างแต้มต่อให้แบรนด์ได้อย่างมาก อีกทั้งบริษัทเองมีการ Diversify ออกไปหลากหลายธุรกิจ จึงต้องการคนที่มีประสบการณ์ทำงานประมาณ 6-7 ปีมาร่วมงานมากขึ้น

ซึ่งหลังจากได้กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารแล้ว คุณโฉมชฎา บอกว่า SC Asset ก็กลับมาทำ Focus Group กับคนกลุ่มนี้ เพื่อให้เข้าใจอินไซต์อย่างลึกซึ้ง จนพบว่าพฤติกรรมคนทำงานกลุ่มนี้ชอบฟัง Long Form Content และคอนเทนต์ที่ให้ ความรู้ มากกว่าคอนเทนต์ ตลก เพราะช่วยเสริมความรู้ในการทำงานมากขึ้น ทำให้ SC Asset เลือกใช้วิธีสื่อสารผ่าน PODCAST โดยนำชีวิตการทำงานของวิศวกรและคนทำงานอสังหาฯ มาถ่ายทอดให้เห็นจริง ทั้งยังดึง “คุณโค้ดดี้-อรรถพล โพธิ์หาญรัตนกุล” ยูทูบเบอร์ช่อง Good day Podcast ชื่อดังมาเป็นพิธีกรในการเล่าเรื่องให้สนุกขึ้น เพื่อดึงคนทำงานให้เข้ามาฟังอย่างต่อเนื่อง โดยเนื้อหาของ PODCAST จะแบ่งเป็น 3 Ep

ดึง “บอส” บอกเล่าตัวตนและสไตล์การทำงาน ผ่าน CV

นอกจากการนำเสนอในรูปแบบ PODCAST แล้ว อีกหนึ่งความพิเศษของแคมเปญเริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss? Season 2 คือ ชวนเหล่าหัวหน้างานมาทำ CV แบบเฉพาะ ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของแต่ละคนผ่านไลฟ์สไตล์ ทัศนคติในการทำงาน เพื่อให้คนที่สนใจร่วมงานกับ SC Asset ได้รู้จักหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานในอนาคนของตัวเอง คุณโฉมชฎา บอกว่า ไอเดียนี้มาจากการนำโจทย์ไปให้น้องที่เรียนโฆษณาแข่งขันกัน จากนั้นน้องๆ ได้ลงพื้นที่ศึกษาพฤติกรรม จนเจออินไซต์อย่างหนึ่งคือ ผู้สมัครงานอยากรู้จักหัวหน้างานมากขึ้นว่าต้องทำงานกับใคร เพราะหลายครั้งเมื่อเข้ามาทำงาน วิธีคิดอาจไม่ตรงกันกับบอส ทำให้ต้องมูฟออน ทำให้น้องๆ คิดมุมกลับว่าผู้สัมภาษณ์มีสิทธิ์จะรู้จักและเลือกหัวหน้าได้ไหม จึงได้นำมาพัฒนาเป็นไอเดียในการสื่อสารผ่านรูปแบบ CV โดยให้หัวหน้าแต่ละสายงานมาบอกเล่าประวัติส่วนตัว วิธีคิด การทำงาน และความสามารถพิเศษ เพื่อให้เห็นสไตล์การทำงานชัดเจนมากขึ้น

“ทุกวันนี้ถ้าคนทำงานอยากสมัครงานที่ไหน ส่วนใหญ่ผู้สมัครจะเข้าไปดูประวัติองค์กร และตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเท่านั้น แต่ยังไม่มีองค์กรไหนนำ CV ผู้บริหารมาถ่ายทอดให้เห็นชัดๆ แบบนี้”

คุณโฉมชฏา ย้ำถึงความแตกต่าง และคาดหวังว่า ด้วยวิธีการนำเสนอที่ฉีกมุมมองใหม่จากการสร้างแบรนด์นายจ้างทั่วไป เมื่อแคมเปญนี้ถูกปล่อยออกไป จะทำให้คนทำงานเห็นภาพการทำงานอสังหาฯ ได้ชัดเจนมากขึ้น และดึงดูดให้วิศวกร รวมถึงกลุ่ม Mid-Level เข้ามาทำงานใน SC Asset กันมากขึ้น พร้อมกับตอกย้ำความเป็นองค์กรที่ทันยุคสมัยอยู่ในใจคนทำงานเพิ่มขึ้น

เพิ่มทักษะใหม่ สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ยึดหยุ่น มัดใจ Talent ยุคใหม่

แม้จะหันมาสร้างแบรนด์นายจ้างอย่างเต็มกำลังเพื่อดึง Talent เก่งๆ มาร่วมทีม แต่การพัฒนาทักษะพนักงานก็สำคัญเช่นกัน เพราะเป็นปัจจัยที่จะช่วยรักษา Talent ให้อยู่กับองค์กรเอาไว้ได้ ทั้งยังสนับสนุนให้พนักงานได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็วและไม่แน่นอน คุณพุฒิกานต์ บอกว่า Resilience Skill หรือ ทักษะความยึดหยุ่น เป็นทักษะสำคัญมากสำหรับคนทำงานอสังหาฯ เพราะถ้าคนทำงานยังยึดติดกับสิ่งที่ทำเดิมๆ เมื่อเจอความท้าทาย จะปรับตัวไม่ทันและไปต่อยาก

แต่การจะสร้างให้พนักงานทุกคนมี Resilience Skill นั้น ก็ไม่ง่าย เพราะต่อให้จับทุกคนมาเรียนหลักสูตรนี้ พอเรียนจบ ออกมาก็เหมือนเดิม ดังนั้น SC Asset จึงเน้นให้พนักงานเรียนรู้จากการทำงานจริง เพราะมองว่าวิธีนี้จะช่วยให้พนักงานเห็นภาพและมีความเข้าใจใน Resilience Skill มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เดิมทีองค์กรคิดจะสร้างโครงการแบบหนึ่ง แต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ทำให้หัวหน้าซึ่งเป็นผู้นำต้องตัดสินใจหยุดโครงการเดิม และหันมาทำอีกสิ่งที่เข้ากับสถานการณ์มากกว่า

ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบการเรียนรู้ โดยจะแบ่งเป็น 2 โปรแกรม คือ หลักสูตร IDP (Individual Development Program) เป็นหลักสูตรสำหรับพนักงาน ซึ่งจะแบ่งเป็นหมวดต่างๆ ให้พนักงานได้เลือกเรียนตามความสนใจ ขณะเดียวกันหัวหน้างานจะเข้ามาดูว่าสิ่งที่พนักงานเลือกเรียนนั้น ตอบการทำงานในปัจจุบัน หรืองานที่ได้รับมอบหมายในอนาคตไหม เพื่อให้พนักงานเข้าใจวิธีคิดและเลือกคอร์สเรียนที่ตอบโจทย์การพัฒนาตัวเอง และหลักสูตร LDP (Leadership Development Program)เป็นหลักสูตรสำหรับผู้บริหาร จะเน้นการบริหารและดูแลคน

“เวลาดีไซน์คอร์ส เรามองจากบริษัทและความสนใจของพนักงาน แต่เบื้องต้นต้องมองจากองค์กรก่อน หลักสูตรที่ออกแบบจึงเน้นไปที่การเตรียมเติมคน และเตรียมคนให้พร้อม เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ จากนั้นจึงดูความสนใจของพนักงาน เพื่อเตรียมออกแบบหลักสูตรให้สอดรับกับความต้องการของพนักงาน”

ไม่เพียงแต่การเติมทักษะใหม่ๆ ให้กับพนักงาน ทว่า SC Asset ยังส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานแบบ “ยืดหยุ่น” (Flexibility) ด้วย แม้ปัจจุบันจะให้พนักงานกลับมาทำงาน 5 วัน แต่ในการทำงานมีความยืดหยุ่นให้แต่ละทีม และมี Workation ให้พนักงาน 10 วัน นอกจากวันลาปกติ เพื่อตอบรับเทรนด์การทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำงานที่ไหนก็ได้ และทำให้พนักงานสามารถ Work-Life Balance ได้ดียิ่งขึ้น

“สิ่งที่องค์กรเรามีให้กันคือ Trust โดยหัวหน้างานมีความเชื่อใจลูกน้อง ซีอีโอก็มีความไว้วางใจหัวหน้างาน หากวันไหนน้องๆ จะออกไปทำงานนอกสถานที่ สามารถคุยกับหัวหน้าได้ตรงๆ ทั้งยังเป็นกันเอง ลำดับขั้นไม่มาก เพราะเชื่อว่าวัฒนธรรมการทำงานแบบนี้ จะทำให้คนทำงานความรู้สึก Empower และส่งเสริมให้เกิดการระดมไอเดียกันอย่างเต็มที่ ทั้งยังสามารถรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรยาวนาน โดยในปีนี้อัตราการลาออกของพนักงานถือว่าต่ำสุดในรอบ 3 ปี”

คุณพุฒิกานต์ บอกถึงความสำคัญของการไว้เนื้อเชื่อใจ แต่เมื่อพูดถึงการบริหารคน ก็ยอมรับว่า มีความท้าทายขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ยากสุดคือ การบริหารสิ่งที่แต่ละคนต้องการให้ได้ เพราะคนทำงานยุคนี้มีความต้องการหลากหลาย และพนักงานของ SC Asset มีกว่า 1,400 คน จึงยากที่จะบริหารให้ได้ทุกความต้องการ SC Asset จึงนำ “People Thriving” หรือ “5P” มาเป็นหลักในการบริหารคน เพื่อให้คนทุกเจนเนอรชั่นทำงานด้วยกันอย่างเข้าใจ ซึ่งหลัก 5P ประกอบด้วย 1.Pay ค่าตอบแทนเหมาะกับงาน 2.Perks สวัสดิการที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของพนักงาน 3.People การสร้างสังคมดี สมดุลย์ดี และอนาคตดีให้คนทำงาน 4.Proud ความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และ 5.Purpose การสร้างทุกเช้าที่ดีให้กับลูกค้าทุกคน

ทั้งหมดนี้คือ วิธีคิดแคมเปญเริ่มงานใหม่ ใครเป็น Boss? Season 2 และการพัฒนาคนของ SC Asset ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนองค์กรและคนทำงานให้เติบโตไปพร้อมกันในโลกยุคใหม่ เพราะเมื่อคนทำงานอย่างมีความสุข และได้เห็นการเติบโตในเส้นทางการทำงาน ไม่เพียงพนักงานจะพัฒนาไอเดียดีๆ และมีคุณภาพออกมาให้ลูกค้าอย่างเต็มที่ บริษัทก็จะได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่โดนใจผู้บริโภค ยังช่วยดึงดูดคนเก่งๆ ให้อยากเข้ามาร่วมงานกับองค์กรมากขึ้น จึงสมกับเป็นแบรนด์อสังหาฯ ผู้นำด้านคุณภาพ และนวัตกรรมอย่างแท้จริง

สำหรับคนทำงานที่อยากเห็นสไตล์การทำงานของคน SC Asset สามารถฟัง PODCAST แบบเต็มๆ ได้ที่ https://m.scasset.com/P9sx


แชร์ :

You may also like