HomeBrand Move !!กลุ่มเซ็นทรัล จับมือ PIF กองทุนความมั่งคั่งแห่งซาอุดีอาระเบีย ลงทุนในกลุ่มเซลฟริดเจส แทนซิกน่า

กลุ่มเซ็นทรัล จับมือ PIF กองทุนความมั่งคั่งแห่งซาอุดีอาระเบีย ลงทุนในกลุ่มเซลฟริดเจส แทนซิกน่า

แชร์ :

สะเทือนวงการค้าปลีกระดับโลกอีกครั้ง เมื่อพี่ใหญ่แห่งแวดวงรีเทลเมืองไทย “กลุ่มเซ็นทรัล” ประกาศจับมือ PIF กองทุนความมั่งคั่งแห่งซาอุดีอาระเบีย เพื่อร่วมลงทุนในกิจการของ กลุ่มเซลฟริดเจสทั้งหมดแทนที่กลุ่มซิกน่า (Signa) โดยกลุ่มเซ็นทรัลจะถือหุ้นในสัดส่วน 60% และ PIF ถืออีก 40%  ภายหลังจากที่ PIF ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดในธุรกิจกลุ่มเซลฟริดเจสต่อจากกลุ่มซิกน่า 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

โดยกลุ่ม PIF คือหนึ่งในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ความร่วมมือครั้งนี้รวมถึงเงินลงทุนก้อนใหม่ ที่กลุ่มเซ็นทรัล และPIF ร่วมกันอัดฉีดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ทางการเงิน และการต่อยอดทางธุรกิจของกลุ่มเซลฟริดเจสในอนาคตด้วย โดยดีลนี้จะเสร็จสมบูรณ์หลังจากได้รับการอนุมัติ ตามขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  

กลุ่มเซลฟริดเจสเป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้าหรูชั้นนำของยุโรป มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 18 สาขา ใน 3 ประเทศ ได้แก่ 

  • ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจสสหราชอาณาจักร (ซึ่งรวมถึงอาคารและที่ดินของสาขาถนนออกซ์ฟอร์ดแฟลกชิพสโตร์ที่เป็นแลนด์มาร์คของย่านช้อปปิ้งอันโด่งดังของกรุงลอนดอนและสาขาแมนเชสเตอร์เอ็กซ์เชนจ์สแควร์ 
  • ห้างสรรพสินค้าดีแบนคอร์ฟประเทศเนเธอร์แลนด์
  • ห้างสรรพสินค้าบราวน์โทมัสและอาร์นอตส์ประเทศไอร์แลนด์
  • และยังมีแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซและบริการในรูปแบบออมนิแชนแนล ที่ผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้า

 

คุณทศ จิราธิวัฒน์

คุณทศ จิราธิวัฒน์

 

คุณทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า “จากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่เราได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีอำนาจในการบริหารห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเซลฟริดเจส วันนี้นับเป็นข่าวดีอีกครั้งที่เราจะผนึกกำลัง ร่วมกับ PIF เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับกลุ่มเซลฟริดเจสมากยิ่งขึ้น  โดย PIF คือพันธมิตรที่เราเลือกให้มาร่วมขับเคลื่อนธุรกิจอันทรงคุณค่าแห่งนี้ เพราะเราเชื่อมั่นว่าประสบการณ์การ ลงทุนระดับโลกของ PIF

เมื่อผสานกับประสบการณ์และความชำนาญของกลุ่มเซ็นทรัลในธุรกิจค้าปลีกระดับลักชัวรี่ ทั้งด้านการบริหารจัดการสินค้าและการริเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ จะทำให้ธุรกิจของกลุ่มเซลฟริดเจสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และ สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในยุโรป เป็นส่วนสำคัญในการประสานความร่วมมือในระดับภูมิภาค ที่เชื่อมต่อโลกค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและตอกย้ำ ความเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจห้างสรรพสินค้าหรูของกลุ่มเซ็นทรัล”

ขยายอาณาจักรห้างสรรพสินค้าในยุโรป 40 สาขา 34 เมือง  7 ประเทศ

สำหรับกลุ่มเซ็นทรัลเริ่มลงทุนในกิจการ กลุ่มเซลฟริดเจส ตั้งแต่ปี 2565 และได้ผลักดันธุรกิจให้พร้อมรับการเติบโตอย่าง ต่อเนื่อง เช่น การปรับโฉมล่าสุดของ Selfridges  Beauty Hall สาขาถนนออกซ์ฟอร์ด ให้กลายเป็น “Beauty Destination of the Future” หรือการปรับปรุง และเพิ่มพื้นที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์หรูที่ชั้น G ห้างบราวน์ โทมัส กรุงดับบลิน และแผนกสินค้าชาย ห้างดี แบนคอร์ฟ กรุงอัมสเตอร์ดัม  โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มเซลฟริดเจสสร้างยอดขายได้กว่า 2,800 ล้านปอนด์ หรือกว่า 125,000 ล้านบาท

 

 

ขณะที่อาณาจักรห้างสรรพสินค้าหรูในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลในปัจจุบัน มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 40 สาขา อยู่ใน 34 เมืองท่องเที่ยวชั้นนำใน 7 ประเทศ ได้แก่

  • กรกฎาคม 2567 กลุ่มเซ็นทรัลเข้าซื้ออาคารและที่ดินของห้างสรรพสินค้าคาเดเว กรุงเบอร์ลิน จากบริษัทซิกน่า ไพร์ม ซีเลคชั่น เอจี เปลี่ยนสถานะจากผู้เช่าเป็นผู้ให้เช่า และเข้าซื้อสินทรัพย์ของกลุ่มคาเดเว พร้อมจัดตั้งบริษัทใหม่ KaDeWe GmbH (คาเดเว จีเอ็มบีเอช) ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าหรู ทั้งสามแห่งในเยอรมันแต่เพียงผู้ เดียว ได้แก่ คาเดเว กรุงเบอร์ลิน โอเบอร์โพลลิงเกอร์ เมืองมิวนิก และ อัลสแตร์เฮ้าส์ เมืองฮัมบูร์ก 
  • สิงหาคม 2567 กลุ่มเซ็นทรัลลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อ และเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวในกิจการบริหารห้างสรรพสินค้า โกลบุส (Globus) ทั้ง 9 สาขาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ทั้งนี้ในส่วนบริษัทที่ถือครองและบริหาร อาคารและที่ดินห้างโกลบุส (Property Company) กลุ่มเซ็นทรัลยังคงถือหุ้น 50% เช่นเดิม)
  • กันยายน 2567 กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมกับ PIF กองทุนความมั่งคั่งแห่งซาอุดีอาระเบีย ลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อ กิจการกลุ่มเซลฟริดเจส (Selfridges Group) จากผู้ถือหุ้นเดิมคือกลุ่มซิกน่า (Signa) ได้แก่ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้า  (Operating Company) และบริษัทที่ถือครองและบริหาร อาคารและที่ดิน (Property Company) โดยกลุ่มเซ็นทรัลถือหุ้น 60% และกองทุน PIF ถือหุ้น 40% ในส่วนของกลุ่มซิกน่าเดิมทั้งสองบริษัท

 

ปัจจุบันการเข้าลงทุนธุรกิจในยุโรป ของกลุ่มเซ็นทรัลประกอบไปด้วย

  1. ธุรกิจในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันมีใน 7 ประเทศ โดยการลงทุนใน 6 ประเทศ เป็นการลงทุนส่วนตัวโดยตรงของกลุ่มเซ็นทรัล ไม่เกี่ยวข้องกับ บมจ. เซ็นทรัลรีเทล (CRC) และ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แต่อย่างใด คือ 
    1. สหราชอาณาจักร: ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส (Selfridges) 
    2. ประเทศเนเธอร์แลนด์: ห้างสรรพสินค้าดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) 
    3. ประเทศไอร์แลนด์: ห้างสรรพสินค้าบราวน์ โทมัส (Brown Thomas) และ อาร์นอตส์ (Arnotts) 
    4. ประเทศเยอรมนี: ห้างสรรพสินค้าคาเดเว (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน, โอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) เมืองมิวนิก และอัลสแตร์เฮ้าส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก 
    5. ประเทศเดนมาร์ก: ห้างสรรพสินค้าอิลลุม (Illum) 
    6. และประเทศ สวิตเซอร์แลนด์: ห้างสรรพสินค้าโกลบุส (Globus) และ โกลบุสฟู้ดฮอลล์ (Globus Food Hall)
  1. ส่วนการลงทุนในประเทศอิตาลี แบ่งเป็น
    • บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) เป็นเจ้าของ (100%) ในส่วนของ บริษัทที่บริหารห้าง สรรพสินค้ารีนาเซนเตทั้ง 9 สาขา
    • กลุ่มเซ็นทรัล เป็นเจ้าของ (100%) เฉพาะในส่วนบริษัทที่ถือครองและบริหารอาคารและที่ดิน 2 สาขา คือ สาขาโรม ทริโทเน่ (Rome Tritone) และสาขาตูริน (Turin)

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like