HomePR Newsสปา-ฮาคูโฮโด ชูแนวคิด Positive Energy เข้าใจและใส่ใจพนักงานด้วยหัวใจ ตอบโจทย์ “The Era Of Growth” การทำงานยุคใหม่ เน้นเติบโตทั้งธุรกิจและพนักงานอย่างยั่งยืน

สปา-ฮาคูโฮโด ชูแนวคิด Positive Energy เข้าใจและใส่ใจพนักงานด้วยหัวใจ ตอบโจทย์ “The Era Of Growth” การทำงานยุคใหม่ เน้นเติบโตทั้งธุรกิจและพนักงานอย่างยั่งยืน

แชร์ :

บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด ครีเอทีฟ เอเจนซี่ แถวหน้าของเมืองไทยมากว่า 40 ปี เผยหัวใจสำคัญในการพาองค์กรพุ่งสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดดตามเป้าหมาย ท่ามกลางบริบทของภาคธุรกิจและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในตลาดการแข่งขันในปัจจุบัน ด้วยการบริหาร “คนในองค์กร” ด้วยหัวใจตามแนวคิด Positive Energy แนวทางการพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีศักยภาพสูงสุด ด้วยการสร้างพลังเชิงบวกและความเข้าใจ มั่นใจคุณภาพผลงานที่ดีจะสะท้อนผ่านความสุขที่พนักงานมีและทัศนคติที่มีต่อองค์กร

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นางสาวจิรภัทร์ กาญจะโนสถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัทในยุคนี้ว่า “ความสุขของพนักงาน” คือหัวใจสำคัญที่ทำให้องค์กรมีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนั้นการที่พนักงานมีความสุขในการทำงาน ย่อมส่งผลดีต่อประสิทธิภาพและคุณภาพของงานที่ทำให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่นำบริษัทฯ ไปสู่ความสำเร็จที่สุด ดังนั้น สปา-ฮาคูโฮโด จึงไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน (Well-Being) เพื่อให้พวกเขามีความสุขและมีสุขภาพที่ดีในการทำงานในโลกยุคใหม่ไปด้วยกัน

“สปา-ฮาคูโฮโด ตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ค่อนข้างท้าทาย ด้วยแนวคิด Partnership Spirit ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรของเรา เราเน้นการทำงานร่วมกับลูกค้าในฐานะพาร์ทเนอร์ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การให้บริการในฐานะเอเจนซีเท่านั้น แต่เป็นการร่วมมือกันเพื่อก้าวไปข้างหน้าเคียงข้างกันอย่างยั่งยืน ทำให้เราตั้งเป้าเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมตลาดโฆษณา และมั่นใจว่าภายในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ถึง 10% จากปีที่แล้ว เพราะเรามั่นใจในศักยภาพของทีมงาน เหมือนกับที่มั่นใจว่าพนักงานก็เชื่อมั่นในองค์กรเราและรู้ว่าจะได้รับการซัพพอร์ตทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจจากบริษัทฯ เต็ม 100% เช่นกัน” นางสาวจิรภัทร์ กาญจะโนสถ กล่าว พร้อมอธิบายต่อว่า สปา-ฮาคูโฮโด ให้ความสำคัญกับการเติบโตระยะยาว ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการพัฒนาทั้งธุรกิจและบุคลากรไปพร้อมๆ กัน ในขณะที่หลายองค์กรอาจให้ความสำคัญกับผลกำไรระยะสั้นเป็นหลัก

นางสาวจิรภัทร์ กล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ สปา-ฮาคูโฮโด โดดเด่นและเติบโตอย่างยั่งยืน คือการมี Empathy หรือความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจและใส่ใจพนักงานอย่างแท้จริง โดยมีหลักคิดว่า พนักงานไม่ใช่แค่ทรัพยากรที่ต้องบริหารจัดการ แต่คือคนในครอบครัวที่ต้องการความเข้าใจและการดูแลเอาใจใส่ บริษัทฯ จึงใส่ใจในทุกแง่มุมของการทำงาน รวมถึงการไม่นิ่งนอนใจที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยเสริมสร้างพลังบวกและความสุขในการทำงาน

“ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานในวงการเอเจนซี่มีความเครียดสูง แต่จะทำอย่างไรที่จะช่วยให้พนักงานมาทำงานที่เครียดได้อย่างมีความสุขนั่นคือโจทย์ที่ท้าทายและสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพนักงานรุ่นใหม่คิดไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พวกเขามองหามิติต่างๆ ของการทำงานมากกว่าแค่ค่าตอบแทนทางการเงิน เช่น ความสุข ความรู้ และสังคมที่ดี เราจึงเน้นให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการเหล่านี้ ผ่านกิจกรรมเสริมสร้างความรู้และความสัมพันธ์ต่างๆ สวัสดิการเพิ่มเติมต่างๆ เพื่อให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน (Work with happiness) แม้ว่าจะต้องทำงานในช่วงเวลาที่ยาวนาน แต่เรามั่นใจว่าความเข้าใจและการดูแลที่ดีจะทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและสนุกกับงาน และเราก็ทำสำเร็จ เสียงตอบรับจากพนักงานทำให้เรามั่นใจว่าเราเดินมาถูกทางแล้วกับแนวคิด “Happy Workplace, Happy Workpiece” ที่จะทำให้พนักงานมีความสุขในทุกวันที่มาทำงาน ผ่านการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นมิตรและสร้างบรรยากาศการทำงานที่ผ่อนคลาย สนับสนุนให้พนักงานได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขาสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน” นางสาวจิรภัทร์ กาญจะโนสถ กล่าวเสริม

สปา-ฮาคูโฮโด ได้พัฒนาโปรแกรม Well-being ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนทั้งการเติบโตทางอาชีพและความสุขของพนักงาน โดยโปรแกรมนี้ถูกแบ่งออกเป็น 3 แนวทางหลัก ได้แก่:

  1. Empower – การส่งเสริมการเติบโตด้านความรู้ วิธีคิด และอาชีพ เช่น การเรียนรู้ผ่านการทำงานจริง (Learning by Doing) การให้ Career Coach และ Life Coach ช่วยสนับสนุนเป้าหมายชีวิตและงาน รวมถึงการเปิดโอกาสให้พนักงานรุ่นใหม่ได้ก้าวสู่การบริหารงานใหญ่โดยไม่มีข้อจำกัดด้านอายุ
  2. Engagement – การเสริมสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร ผ่านกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน เช่น Friday Friyay กิจกรรมสังสรรค์ทุกเย็นวันศุกร์ และ Wednesday Free Lunch ที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้ใช้เวลาร่วมกันในบรรยากาศที่ผ่อนคลายนอกเหนือจากการทำงาน
  3. Empathy – การแสดงความเข้าใจและใส่ใจในความเป็นอยู่ของพนักงาน ผ่านกิจกรรมพิเศษ เช่น Monday Early Bird ที่บริษัทจัดเตรียมอาหารเช้าทุกวันจันทร์ เพื่อให้พนักงานเริ่มต้นสัปดาห์ได้อย่างสดใส หรือ Power Nap มุมพักผ่อนที่จัดไว้ให้พนักงานได้ผ่อนคลายระหว่างวันทำงาน นอกจากนี้ยังมี Compensate Leave ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานที่ทำงานในวันหยุดสามารถหยุดชดเชยในวันอื่นๆ รวมถึงสิทธิวันลาพิเศษในเดือนเกิด (Birthday Celebration & Leave) เพื่อให้พนักงานได้ฉลองกับครอบครัวและเพื่อนๆ

“เราให้ความสำคัญกับความสุขและความพึงพอใจของพนักงานในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงาน สุขภาพ หรือสังคม เพราะเราเชื่อว่าความเข้าใจและการใส่ใจพนักงานคือปัจจัยหลักที่สร้างพลังในการทำงาน รวมถึงพลังงานบวกในที่ทำงาน และการเติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคง” นางสาวจิรภัทร์ กล่าวปิดท้าย


แชร์ :

You may also like