ตลาด Ride-Hailing กลับมาแข่งดุอีกครั้งในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 เห็นได้จาก LINE MAN Wongnai ที่ออกมาประกาศกลยุทธ์รอบใหม่ ชูจุดแข็ง “ถูกและปลอดภัย” หวังชิงเบอร์หนึ่งวงการ พร้อมเปิดสถิติเรียกรถ LINE MAN RIDE ในช่วงที่ผ่านมาว่ามีการเติบโตกว่า 60% เตรียมขยายเพิ่ม 15 – 20 หัวเมืองใหญ่ภายในปี 2025
สำหรับรูปแบบการให้บริการของ LINE MAN RIDE ตามการเปิดเผยของคุณศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจบริการด้านออนดีมานด์ LINE MAN Wongnai ระบุว่า ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ LINE MAN Eco, LINE MAN Bike และ LINE MAN Taxi โดย LINE MAN Eco มีสัดส่วนการให้บริการสูงที่สุดในแพลตฟอร์ม รองลงมาคือ Bike และ Taxi
ส่วนผู้ใช้บริการ มาจากแอปพลิเคชัน LINE MAN Wongnai เป็นหลัก โดยปัจจุบันมีผู้เข้าใช้งานแอปพลิเคชันประมาณ 10 ล้านแอคเคาน์ต่อเดือน
เปิดสถิติโต 60%
สำหรับการเติบโตของ LINE MAN RIDE ที่ทางบริษัทระบุว่า มีมากกว่า 60% นั้น คุณศิวภูมิ กล่าวว่า เป็นการเปรียบเทียบกับการเรียกใช้บริการในระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 15 ตุลาคม ของปี 2567 กับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ซึ่งในปี 2566 มีเพียงบริการ LINE MAN TAXI เท่านั้น (ส่วนบริการ LINE MAN Eco และ LINE MAN Bike เพิ่งมีการ Soft Launch ในเดือนธันวาคม 2566)
ฟีเจอร์ที่ออกแบบเพื่อตลาดไทย
ทั้งนี้ จุดเด่นของ LINE MAN RIDE ที่คาดว่าจะสร้างความแตกต่างให้กับตลาด Ride-Hailing ได้นั้น ประกอบด้วย
- ฟีเจอร์ Trip Tracking ระบบติดตามการเดินทางแบบเรียลไทม์ สามารถแชร์ให้ครอบครัวได้รับทราบการเดินทางได้
- ฟีเจอร์ Toll Selection ลูกค้าสามารถเลือกว่าจะขึ้นทางด่วนหรือไม่ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการโต้เถียงกับคนขับว่าจะขึ้นทางด่วนหรือไม่
- ใช้ Chat Stickers สื่อสารกับคนขับโดยไม่ต้องพิมพ์ข้อความ
- ชำระเงินผ่าน QR Payment ได้นอกจากเงินสด หรือบัตรเครดิต
- มีคอลล์เซนเตอร์ สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- มีประกันอุบัติเหตุทั้งในส่วนผู้ขับและผู้โดยสาร
- การคิดค่าคอมมิชชันจากคนขับ 10% ซึ่งผู้บริหาร LINE MAN Wongnai ระบุว่าเป็นอัตราที่ต่ำสุดในตลาด และคาดว่าจะช่วยดึงดูดคนขับให้เข้ามาในแพลตฟอร์มของ LINE MAN RIDE มากขึ้น
- การตรวจสอบประวัติคนขับอย่างละเอียด
- มีระบบประเมินคะแนนแบบไม่เปิดเผยตัวตน
- การเป็นแอปพลิเคชันที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก
เจาะกลยุทธ์ “ถูก และปลอดภัย”
คุณศิวภูมิกล่าวต่อไปด้วยว่า สิ่งที่นำมาเป็นจุดชูโรงในการบุกตลาด Ride-Hailing ของ LINE MAN RIDE คือค่าบริการและความปลอดภัย โดยทางแพลตฟอร์มพบ Pain Point ว่า หลังจากช่วง Covid-19 ผ่านไป ราคาเฉลี่ยของการใช้บริการ Ride-Hailing ในไทยค่อนข้างสูง อีกทั้งแพลตฟอร์มอื่น ๆ ต่างเริ่มเข้าสู่โหมดการทำกำไร จึงมองว่า การสร้างความแตกต่างด้วยราคาที่ประหยัดกว่าจะเป็นตัวดึงดูดให้มีการใช้งานเพิ่มขึ้นได้
สำหรับรูปแบบของโปรโมชันที่นำมาใช้มีตั้งแต่คูปองต่าง ๆ ภายในแอปพลิเคชัน ตลอดจนการให้โค้ดส่วนลดแถมมาจากการสั่งอาหาร (ปัจจุบันมีการให้โค้ดส่วนลด NEW100 สำหรับผู้ใช้งานใหม่ในการเรียกรถ LINE MAN Eco โดยสามารถลดได้ 100 บาท ไม่มีขั้นต่ำ และสามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้)
ส่วนในด้านความปลอดภัย ทางผู้ให้บริการเลือกใช้คอลเซ็นเตอร์ 24 ชั่วโมงสำหรับรับเรื่องราวร้องเรียน รวมถึงรับแจ้งอุบัติเหตุ และการมีประกันอุบัติเหตุให้กับผู้ขับและผู้โดยสาร
เล็ง “เข้าสนามบิน – โมเดลเช่า EV” ต่อ
นอกเหนือจากการให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้ว ทางแพลตฟอร์มีแผนจะขยายไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศร่วมด้วย โดยคาดว่าจะเปิดตัวใน 15 – 20 หัวเมืองใหญ่ภายในปี 2568
ส่วนการเปิดให้บริการเรียกรถในท่าอากาศยานนั้น คุณศิวภูมิเผยว่า อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล เช่นเดียวกับโมเดลการให้บริการรถ EV บนแพลตฟอร์ม ก็อยู่ระหว่างการศึกษาเช่นกัน โดยคุณศิวภูมิคาดการณ์ว่า ปัจจัยที่จะทำให้บริการ LINE MAN RIDE เติบโตในอีก 5 ปีข้างหน้า มี 3 ประเด็นหลัก ๆ นั่นคือ
- การขยายตัวของเมือง ทำให้การเรียกรถเป็นเรื่องที่คนต้องการเข้าถึงมากขึ้น
- การปรับตัวของผู้บริโภคที่หันมาใช้บริการออนไลน์แทนการเรียกรถแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะผู้หญิงที่ LINE MAN Wongnai พบว่า มีการเรียกรถออนไลน์สูงกว่าผู้ชาย
- การกลับมาของนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ทางผู้บริหาร LINE MAN RIDE คาดการณ์ว่า บริการ LINE MAN RIDE จะสามารถเติบโตได้เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดประมาณ 2 – 3 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว