เมื่อกล่าวถึงการผนึกกำลังของวงการโทรคมนาคมไทย หนึ่งในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือการรวมตัวกันของผู้ให้บริการเน็ตบ้านอย่าง “AIS – 3BB” ด้วยมูลค่า 32,000 ล้านบาท โดยมาพร้อมชื่อใหม่นั่นคือ “AIS 3BB Fibre 3” และปลายปี 2024 ก็อาจเป็นโอกาสที่ดีในการเผยถึงภาพรวมธุรกิจหลังควบรวมมาครบ 1 ปีเต็ม
คุณธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจบรอดแบนด์ เอไอเอส ได้กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจ AIS 3BB Fibre 3 ว่า สามารถสร้างลูกค้าใหม่ได้กว่า 270,000 ราย และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีลูกค้ารวมทะลุ 5 ล้านราย
พร้อมบอกด้วยว่า ปัจจุบัน ทางแบรนด์ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 46% และคาดการณ์ว่าในปีหน้า (2025) ตัวเลขลูกค้าใหม่จะเพิ่มขึ้นจากตัวเลขในปี 2024 ด้วย
เน็ตบ้าน 2025 ต้องมีมากกว่า “ความเร็ว – แรง”
นอกจากนั้น สิ่งที่ผู้บริหาร AIS 3BB Fibre 3 มองเห็นในตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ก็คือเรื่องการทำความเข้าใจกับการใช้ชีวิตของคนในบ้านให้มากขึ้น โดยคุณธีร์เผยว่า
“เราเชื่อว่า ธุรกิจเน็ตบ้าน ไม่ใช่แค่ความเร็วและความแรง แต่เราอยากให้เป็นธุรกิจที่เข้าใจการใช้ชีวิตของคนในบ้านมากขึ้น และนั่นทำให้เอไอเอส มองว่า การรวมตัวกันครั้งนี้จะมีขึ้นเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการบรอดแบนด์ สร้างอนาคตที่มากกว่าเพื่อผู้ใช้บริการ โดยสิ่งที่เกิดขึ้นกับ AIS 3BB Fibre 3 คือการสร้างประสบการณ์ 3 ด้านบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ได้แก่ More Connectivity, More Opportunity และ More Happiness”
More Connectivity การเชื่อมต่อที่มากขึ้น
สำหรับการพัฒนาโครงข่าย คุณธีร์เผยว่า ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของบริการบรอดแบนด์ให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยได้แล้ว 77 จังหวัด 926 อำเภอ หรือคิดเป็นพื้นที่กว่า 133,281 ตารางกิโลเมตร โดยสามารถรองรับการให้บริการได้แล้วกว่า 13 ล้านครัวเรือน
ส่วนในด้านของคุณภาพเครือข่าย ทางแบรนด์เผยว่า ในปีที่ผ่านมาได้รับ 2 รางวัลการันตีคุณภาพนั่นคือ Fastest Fixed Internet 2024 และ Best ISP Gaming Experience 2024 จาก OOKLA เช่นกัน (ข้อมูลการทดสอบในช่วงไตรมาส 1 – 2 ของปี 2024)
อย่างไรก็ดี ในแง่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของประเทศไทย ผู้บริหารเอไอเอสฉายภาพให้เห็นชัดเจนขึ้นว่า การใช้งานส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก รองลงมาคือภาคกลางและภาคตะวันออก ส่วนภาคเหนือ-ใต้-ตะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีการใช้งานที่ไม่มากเท่าไร ซึ่งเอไอเอสมองว่า การเพิ่มโครงข่าย รวมถึงเพิ่มบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าคือกุญแจสำคัญในการบุกตลาด
More Opportunity โอกาสที่มากขึ้น
“ในมุมของการเพิ่มโอกาส เราก็โฟกัสมาตลอดปีเช่นกัน โดยในปีนี้ เราได้มีการขยายการให้บริการฟรีไวไฟกับโรงเรียนแล้ว 4,255 แห่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราค่อนข้างภาคภูมิใจ และจะขยายต่อไปในปีหน้าด้วย” คุณธีร์กล่าวเริ่มต้น พร้อมกับบอกว่า รูปแบบการใช้งานเน็ตบ้านในปัจจุบัน มีปัจจัยต่าง ๆ เพิ่มเติมเข้ามามากมาย ทั้งการ Work From Home หรือการเรียนออนไลน์ หรือบางครอบครัวก็เปลี่ยนบ้านเป็นโฮมออฟฟิศ
ด้วยเหตุนี้ เอไอเอสจึงมองว่า บริการใหม่อย่างการติดตั้งสายไฟเบอร์ภายในบ้าน หรือ Home FibreLan ตลอดจน Office FibreLan (ความเร็ว 1Gbps เท่ากันทุกห้องทุกชั้น) คือจุดเปลี่ยนของการให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์
และจะทำให้ประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในบ้านมีความเสถียรมากกว่า โดยได้เริ่มเปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
More Happiness เข้าถึงสิทธิประโยชน์เพิ่ม
สุดท้ายคือเรื่องของ More Happiness ซึ่งเป็นเรื่องของสิทธิประโยชน์ ที่ผู้บริหารเอไอเอสบอกว่า “เราอยากให้ลูกค้าอยู่กับเราก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น เราเลยพยายามรวมสิทธิพิเศษ ให้ลูกค้าทั้งฝั่งเอไอเอส และ 3BB เข้าถึงคอนเทนต์พิเศษได้เหมือนกัน” พร้อมยกตัวอย่างคอนเทนต์เช่น แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Max และ Mono24 ที่ทางแบรนด์มีให้บริการนั่นเอง
ผู้บริหารเอไอเอสได้เผยด้วยว่า “จากความแข็งแกร่งของทั้ง AIS FIBRE 3 และ 3BB FIBRE 3 ส่งผลให้เราสามารถสร้างการเติบโตในทุกมิติ ทั้งรายได้ที่เติบโตขึ้น 154% และฐานลูกค้าที่เติบโตขึ้น 108% ด้วยจำนวนผู้ใช้งานในปัจจุบันกว่า 4.94 ล้านราย (รายได้จากงวด 9 เดือนของปี 2023 เทียบกับ 9 เดือนของปี 2024 และ ผู้ใช้บริการ ณ สิ้น ไตรมาส 3 ปี 2023 เทียบกับ ไตรมาส 3 ปี 2024)”
เติมประสบการณ์ใหม่ด้วย SMART SOUNDBAR
นอกจากอัปเดตภาพรวมธุรกิจ ตลอดจนแนวโน้มต่าง ๆ ของแวดวงบรอดแบนด์กันไปแล้ว ในมุมของการรุกตลาดในอนาคต คุณธีร์มองว่า เอไอเอส อยากให้บ้านเป็นพื้นที่ของการอยู่ร่วมกันและสร้างความสุขได้มากขึ้น เอไอเอสจึงเลือกที่จะเปิดตัว SMART SOUNDBAR เข้ามาเป็นอุปกรณ์เพื่อเชื่อมต่อคนในบ้านในมิติใหม่
โดย SMART SOUNDBAR หรือลำโพงอัจฉริยะเครื่องนี้มาพร้อมระบบเสียง Dolby ATMOS และระบบ THX รองรับการใช้งานโปรแกรมคาราโอเกะ อีกทั้งยังเป็น Android TV ได้ ซึ่งลูกค้า AIS FIBRE 3 และ 3BB FIBRE 3 ที่สมัครบริการเสริม SMART SOUNDBAR 5,000 เครื่องแรก จะได้รับราคาพิเศษเพียงเดือนละ 350 บาท (ไม่รวม VAT) พร้อมชมคอนเทนต์จาก Max Ultimate ได้นาน 12 เดือน รวมถึงร้องเพลงจาก AIS Karaoke ได้นาน 24 เดือนด้วย
“เราเชื่อว่าศักยภาพของเน็ตบ้านไม่ได้อยู่แค่เรื่องของความเร็วแรงเท่านั้น แต่ศักยภาพของเน็ตบ้านต้องสร้างทุกความเป็นไปได้ที่มากกว่า การเปิดตัวบริการเสริม SMART SOUNDBAR ในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การทำธุรกิจเน็ตบ้านที่เข้าใจผู้คน แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด ทั้งในมิติของคุณภาพ บริการ นวัตกรรม และสิทธิพิเศษ อันจะเป็นการเสริมศักยภาพให้กับทุกคนในบ้านและจะทำให้ทุกการใช้งานเป็นไปได้และมากกว่าเดิม” คุณธีร์ กล่าวทิ้งท้าย