HomeBrand Move !!“ช้าง” ทวงบัลลังก์แชมป์ในรอบ 20 ปี ปล่อยหมัดเด็ด “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ขวดอลูมินั่มฝาเกลียว” บุก 7-Eleven เสริมแกร่งพอร์ตเบียร์พรีเมียม

“ช้าง” ทวงบัลลังก์แชมป์ในรอบ 20 ปี ปล่อยหมัดเด็ด “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ขวดอลูมินั่มฝาเกลียว” บุก 7-Eleven เสริมแกร่งพอร์ตเบียร์พรีเมียม

แชร์ :

เป็นที่รู้กันดีว่าตลาดเบียร์มูลค่า 2 แสนล้านบาทของไทย มีผู้เล่นหลัก 2 รายอย่าง “สิงห์” และ “ช้าง ”ที่ต่างห้ำหั่นกันมาเป็นเวลานาน เพื่อครองความเป็นผู้นำตลาด โดยตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ผลัดกันรุกและรับมาตลอด

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ล่าสุด “ช้าง” ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี ด้วยการกลับขึ้นเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง พร้อมเดินหน้าเสริมพอร์ตโฟลิโอระดับพรีเมียมด้วย “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ขวดอลูมินั่มฝาเกลียว” ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และยังสามารถรีไซเคิลได้ 100%  มุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ตอกย้ำเทรนด์ Premiumization ที่กำลังมาแรง ตั้งเป้ายอดขายกว่า 25 ล้านขวดในปีหน้า

“ตลอดช่วงที่ผ่านมา มาร์เก็ตแชร์เรากับคู่แข่งตีคู่สูสีกันมาตลอด บางช่วงเวลาก็นำ ขณะที่บางช่วงก็กลับมาเท่ากัน แต่ในปีนี้จากการบุกตลาดอย่างต่อเนื่อง เราก็กลับมาขึ้นมานำเบอร์ 1 ในตลาดเบียร์อย่างเป็นทางการอีกครั้งในรอบ 20 ปี” คุณทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าว

การกลับมาทวงบัลลังก์ของ “ช้าง” ไม่เพียงสะท้อนถึงการปรับตัวตามความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในตลาดเบียร์พรีเมียมที่มีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท และอัตราการเติบโต 30% ต่อปี ที่มีแนวโน้มสดใส 

เพิ่มพอร์ตพรีเมียม ส่ง “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ขวดอลูมินั่มฝาเกลียว” เรือธงใหม่รับตลาดโตแรง

ย้อนไปย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ช้าง ได้เปิดตัว “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์” ครั้งแรก ด้วยต้องการวางเป้าหมายให้เป็นไอคอนิคเบียร์เรือธงใหม่ของทางค่าย ที่ใช้เจาะตลาดเบียร์พรีเมียม โดยระยะแรกวางจำหน่ายแค่ในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย  และยังมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กลุ่มเป้าหมายพร้อมช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับธุรกิจและส่งเสริมแบรนด์ในพอร์ตควบคู่กันไป จนได้รับการตอบรับดีเยี่ยมจากผู้บริโภค ทั้งในไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีอัตราการเติบโตของยอดขายสูงถึง 300%

 

คุณทรงวิทย์ ศรีธรรม

คุณทรงวิทย์ ศรีธรรม

คุณทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ เป็นเบียร์พรีเมียมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากนักดื่มไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ด้วยการเติบโตเกือบ 300% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก นีลเส็นไอคิว (ประเทศไทย) ณ เดือนกันยายน 2567 (ตุลาคม 66 – กันยายน 67)) เนื่องจากสามารถตอบโจทย์เมกะเทรนด์ Premiumization ของผู้บริโภคที่มองหาสินค้าที่คุ้มค่า และประสบการณ์ความแปลกใหม่ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ในไทย 

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Zocial Eye ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2567 พบว่า 98% ชื่นชอบในรสชาติสดใหม่ และ 90% ชื่นชอบในความพรีเมียมของบรรจุภัณฑ์แก้วทรงขวดแชมเปญ  98% ต้องการให้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายเพิ่มเติมจากร้านอาหาร-ผับบาร์-โรงแรมในเชียงใหม่ เชียงราย และกรุงเทพฯ เพื่อความสะดวกและโอกาสในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์มากกว่าปัจจุบันที่เน้นเพื่อการเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี ในขณะเดียวกันร้านอาหารต่างๆ ก็มีความต้องการนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ล่าสุดเพื่อเป็นการต่อยอดโอกาสดังกล่าว พร้อมรองรับเมกะเทรนด์ Premiumization “ช้าง” จึงร่วมกับ บริษัท ไทย เบฟเวอเรจ แคน จำกัด เปิดตัว “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ขวดอลูมินั่มฝาเกลียว” พัฒนานวัตกรรมขวดอลูมินั่มฝาเกลียวเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในไทย ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ สามารถคงความเย็นได้นานกว่าบรรจุภัณฑ์กระป๋องทั่วไป โดยบรรจุภัณฑ์อลูมินั่มที่ผ่านการบริโภคแล้วทุกชิ้นส่วนสามารถนำมารีไซเคิลได้ 100% ไม่กลายเป็นขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการขนส่ง การกระจายสินค้า และการเก็บรักษาก่อนถึงมือผู้บริโภค  โดย ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ขวดอลูมินั่มฝาเกลียว ขนาด 500 มล. ด้วยราคา 89 บาท จำหน่ายผ่านเซเว่น อีเลฟเว่น ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคมเป็นต้นไป

ปลุกเซกเมนต์ “พรีเมียม” โตแรง รับเมกะเทรนด์ Premiumization 

การเปิดตัว “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ขวดอลูมินั่มฝาเกลียว” ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การบุกตลาดเพื่อรองรับเมกะเทรนด์ Premiumization ที่พฤติกรรมผู้บริโภคชื่นชอบความพิเศษแบบเฉพาะตัว มีความต้องการหลากหลายและมีความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น  แถมยังเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่ม ภายใต้งบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท

“เทรนด์ของตลาดเบียร์ปัจจจุบันเป็นเรื่องของ Premiumization ที่ทุกคนมองหาความพิเศษแบบเฉพาะตัว และคุ้มค่าคุ้มราคา ”

โดยข้อมูลจาก นีลเส็นไอคิว (ประเทศไทย) ณ เดือนกันยายน 2567 (ตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) ระบุว่า ตลาดเบียร์ไทยมีมูลค่า 200,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น 4 เซกเมนต์หลักได้แก่

  • Economy มีสัดส่วน 5% ของตลาดรวม มีขนาดตลาดเล็กลงเรื่อยๆ จากช่วง15 ปีที่แล้วที่กลุ่มนี้มีสัดส่วน 10% 
  • Mainstream เป็นเซกเมนต์ที่ใหญ่ที่สุด สัดส่วนตลาด ประมาณ 60-70% ของตลาดเบียร์ทั้งหมด มีผู้เล่นหลากหลาย ระดับราคา 60 บาทต่อขวด /แบบกระป๋อง ราคา 55 บาทต่อกระป๋อง โดยกลุ่มนี้มีการแข่งขันที่รุนแรง มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นตัวเลขสองหลัก
  • Mass Premium เป็นตลาดเบียร์ระดับพรีเมียมที่มีราคาสูงกว่าเซกเมนต์เมนสตรีม ราคาเริ่มต้นมากกว่า 60 บาท สัดส่วนตลาดราว 20% ของตลาดเบียร์ทั้งหมด ถือเป็นอีกหนึ่งเซกเมนต์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตอบโจทย์พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับรสชาติและคุณภาพมากขึ้น
  • Imported Beer เบียร์ต่างประเทศ เป็นเบียร์นำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาสูงที่สุด ราคาเริ่มต้น 80 บาทขึ้นไปตลาดเซกเมนต์นี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้สูง

โดยแบรนด์ “ช้าง” มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันตลาด Mainstream ให้ฟื้นตัวกลับมากว่า 5% ในขณะที่ตลาดเบียร์พรีเมียม (Mass Premium) ยังคงมีโอกาสเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องจากเทรนด์ Premiumization  โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 30% มีมูลค่ารวมมากกว่า 40,000 ล้านบาท

การเปิดตัว “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ขวดอลูมินั่มฝาเกลียว” ในครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเติมพอร์ตโฟลิโอให้แก่เบียร์พรีเมียมในค่าย จากปัจจุบันที่มีสัดส่วดเป็นซิงเกิ้ลดิจิต สู่การขยายพอร์ตให้เติบโตแบบดับเบิ้ลดิจิตต่อไป จากปัจจุบันที่ “ช้าง” มีผลิตภัณฑ์ในตลาดเบียร์พรีเมียม 3 ผลิตภัณฑ์ ช้าง โคลด์ บรูว์, ช้าง เอสเปรสโซ่ และช้าง อันพาสเจอไรซ์

“เราต้องการโตกว่าตลาด หลายเซกเมนต์ของเราตอนนี้ก็เติบโตดี อย่างไรก็ต้องเพิ่มสัดส่วนในพอร์ต ปัจจุบันอยู่แค่ซิงเกิ้ลดิจิต ขยับไปดับเบิ้ลดิจิตเร็วๆนี้ แน่นอนเราไม่ต้องการโตเท่ากับตลาด แต่เราต้องการโตมากกว่าจีดีพี” คุณทรงวิทย์กล่าว

ท้ายที่สุด “คุณทรงวิทย์” บอกว่า แนวโน้มในปีหน้าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตที่ดี โดยมีปัจจัยบวกทั้งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก สภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ตลอดจนการเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ ที่จะผลักดันนวัตกรรม สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

 


แชร์ :

You may also like