ทรูมันนี่ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยความสำเร็จบริการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนร่วมกับ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด ผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชน ว่าในช่วงเวลาเพียง 1 เดือนหลังเปิดให้บริการ มีผู้ใช้งานแอปทรูมันนี่ซื้อคอร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นจำนวนแล้วกว่า 1,500 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับใช้ต้นไม้กว่า 100,000 ต้นในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ซึ่งการตอบรับดังกล่าวสะท้อนเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่มีความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยคาร์บอนผ่านแอปทรูมันนี่ ได้ถูกออกแบบให้เข้าถึงง่ายและมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนสาธารณะ (Polygon) โดยการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนในแต่ละครั้งจะถูกแปลงเป็นโทเคนดิจิทัลและบันทึกการรีไทร์คาร์บอน หรือ Carbon Offset ซึ่งหมายถึงการลดผลกระทบจากการปล่อยคาร์บอนฯ ไว้ในรูปแบบ NFT บนบล็อกเชน
ผู้ใช้งานสามารถเลือกแพ็กเกจชดเชยคาร์บอนได้ตามระยะเวลาที่ต้องการ (7, 30 หรือ 90 วัน) โดยระบบจะตัดเงินจากบัญชีทรูมันนี่ เพื่อซื้อและเบิร์นโทเคนคาร์บอนเครดิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล การทำธุรกรรมทั้งหมดจึงรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีต้นทุนที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าบริการชดเชยคาร์บอนรูปแบบเดิมที่เห็นในประเทศไทยหลายเท่าตัว
คุณมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้คนในปัจจุบันโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก การได้เห็นคนไทยหลายหมื่นคนร่วมกันซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนผ่านแอปทรูมันนี่ เป็นสัญญาณที่ดีของการตื่นตัวต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยการให้บริการนี้ไม่เพียงแค่อำนวยความสะดวกให้ทุกคนมีส่วนร่วมลดผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศได้อย่างง่าย ๆ แต่ยังแสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแบบยั่งยืนใหักับชุมชน”
คุณอภินันท์ ดาบเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายการเติบโตของวอลเล็ทแพลตฟอร์ม บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “แอสเซนด์ บิท มุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงคนไทยเข้าสู่โลกบล็อกเชนสาธารณะ และมอบโอกาสในการเข้าถึงและให้การสนับสนุนทรัพยากรของโลกผ่านการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน โดยคาร์บอนเครดิตเป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญที่ทำให้ผู้คนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ และทำให้สังคมเห็นภาพชัดเจนถึงประโยชน์ที่แท้จริงจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทางด้านการเงินในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน”