กลยุทธ์หลัก KTC ปีนี้ คือการทำ Digital Transformation เต็มรูปแบบ แม้ได้พัฒนาระบบไอทีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในยุค Technology Disruption และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจจึงต้องปรับตัวให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด โดยเฉพาะสถาบันการเงิน ต้องมีผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพและปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สมาชิกเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจ รวมทั้งการหาโอกาสเติบโตใหม่
การเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังด้าน Digital Transformation ในครั้งนี้ KTC ได้แต่งตั้ง “ผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ” พร้อมลงทุนนวัตกรรมระบบไอทีระดับเวิลด์คลาส และใช้ AI (Artificial Intelligence) เข้าเสริมทุกกระบวนการทำงานร่วมกับบุคลากร KTC เพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี ใช้ต่อยอดธุรกิจ และความคิดสร้างสรรค์ของบุคลากร
คุณพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าได้แต่งตั้ง “คุณวิไลวรรณ นพรัตน์” ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บริหารสูงสุดสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดยมีบทบาทในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนกระบวนการงานต่างๆ ในองค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
“คุณวิไลวรรณ” เป็นผู้บริหารหญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในสายงานไอทีของ KTC โดยก่อนหน้านี้ทำงานด้านไอทีในอุตสาหกรรมสื่อสารมากว่า 20 ปี
การเสริมทัพผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในแวดวงไอที พร้อมนำเทคโนโลยีมาพัฒนาขีดความสามารถในเชิงลึก เพื่อวางรากฐานโครงสร้างการทำงานไอทีกับบุคลากร เสริมกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ จะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ ตามแผนกลยุทธ์ KTC ที่กำหนดในปี 2568 เป็นปี “Building a Sustainable Future Through Digital Transformation”
คุณวิไลวรรณ นพรัตน์
วางโรดแมป Digital Transformation
คุณวิไลวรรณ แม่ทัพสายงานไอที KTC เล่าว่ามีประสบการณ์ทำงานในแวดวงไอที 30 ปี ตั้งแต่จบการศึกษา เริ่มงานแรกเป็นโปรแกรมเมอร์ระดับจูเนียร์ จึงเรียนรู้ขั้นตอนการทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่การทำงานเล็กๆ มาถึงผู้บริหารที่มีประสบการณ์อยู่ในวงการโทรคมนาคม (โมบาย โอเปอเรเตอร์) กว่า 20 ปี รวมทั้งการทำ Digital Transformation ให้องค์กรมาก่อนหน้านี้
หลังจากเข้ามาเป็นแม่ทัพสายงานไอทีของ KTC ได้วางโรดแมปด้านไอที ปี 2568-2569 ในการยกระดับศักยภาพบุคลากรและระบบไอที ให้ก้าวล้ำและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะระบบ Core Payment Platform ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจเราทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านไอทีชั้นนำจากสิงคโปร์ ที่มีความเชี่ยวชาญสูง เพื่อนำนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับเวิลด์คลาสล่าสุดมาใช้แบบ Total Solutions ในการเสริมสร้างความสามารถด้านการจัดการข้อมูล อีกทั้งช่วยให้การประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง รองรับการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่สมาชิกและพันธมิตรทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสร้างโอกาสการเติบโตของ KTC ในอนาคต
ประสบการณ์ทำงานจากอุตสาหกรรมสื่อสาร คือการดูแล Customer Touchpoint ต้องทำให้ระบบงานมีความคล่องตัวรวดเร็ว สั้น กระชับ เพราะรองรับลูกค้าจำนวนมาก จึงต้องนำ Digital Transformation มาช่วย
โดยทุกองค์กรต้องขับเคลื่อนด้วยไอที นั่นทำให้ “คน” เป็นปัจจัยสำคัญ ในการทำ Digital Transformation ให้สำเร็จ ด้วยการพัฒนาทักษะให้รอบรู้ ทั้งไอที ธุรกิจ การวิเคราะห์ประเมินพฤติกรรมผู้บริโภค
“ความท้าทายที่ KTC คือการใช้ประสบการณ์จากแวดวงเทเลคอม มาปรับใช้กับธุรกิจการเงินได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ สร้างความยั่งยืนและโอกาสการเติบโตให้องค์กร”
3 เรื่องสำคัญก้าวสู่องค์กรดิจิทัลอย่างยั่งยืน
1. Citizen Developers: สร้างบุคลากรให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
ปัจจัยหลักนอกจากเทคโนโลยี การทำ Digital Transformation ให้ประสบความสำเร็จได้คือ “บุคลากร” ในองค์กร ที่้ต้องเพิ่มทักษะด้านดิจิทัล จึงให้ความสำคัญในการสร้าง Citizen Developers เพื่อทำงานร่วมกับเทคโนโลยี โดยได้ปรับโครงสร้างบุคลากร ด้วยการนำทาเลนต์ใหม่ๆ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาทำงานไอทีร่วมกัน ไม่เพียงแต่บุคลากรไอทีเท่านั้น แต่ทั้งองค์กรต้องมีแรงขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งกลุ่ม Non IT เพื่อให้บุคลากรทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบงาน
โดยใช้เครื่องมือ Low-Code มาปรับใช้ เพื่อคนที่ไม่มีทักษะเขียน Code ในเชิงลึก สามารถทำงานร่วมกับไอทีได้ เพียงแค่เข้าใจหลักการและทำงานร่วมกัน พัฒนาให้เป็น Citizen Developers เพื่อช่วยให้บุคลากรในองค์กรปรับปรุงกระบวนการทำงานได้อย่างง่ายและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสนับสนุนการเรียนรู้และฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บุคลากรมีทักษะที่พร้อมสำหรับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ
2. Fusion Team: รวมทีมงานที่เชี่ยวชาญสร้างนวัตกรรมตอบโจทย์สมาชิก
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ KTC นำมาใช้ในการทำ Digital Transformation คือการสร้าง “Fusion Team” ซึ่งเป็นทีมงานที่รวมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสายงานมาทำงานร่วมกับทีมไอที จากเดิมที่ทำงานแยกส่วน เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิก รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. AI – Powered technology: ยกระดับประสบการณ์สมาชิกด้วย AI-Powered technology
ในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจในการเปลี่ยนถ่ายระบบไอทีที่ใช้อยู่เดิม KTC ได้นำ AI-Powered Solutions คือ โซลูชั่นส์ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำงานต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค การทำนายผลลัพธ์ การตัดสินใจอัตโนมัติ และการโต้ตอบกับผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ใช้กับธุรกิจได้
โดยเป็นการใช้ AI ไปอีกขั้น จาก AI assistant หรือ เอไอผู้ช่วยที่ทำตามคำสั่ง ไปสู่ Agentic AI ที่ทำงานแทนคน ไม่ใช่ใช่แค่รับคำสั่ง แต่สามารถให้ข้อมูล วิธีการ และการปฏิบัติไปสู่เป้าหมายได้ สิ่งที่เหมาะกับการทำ Agentic AI เช่น ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ที่นำมาดูแลลูกค้าให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพในโลกออนไลน์
คุณพิทยา วรปัญญาสกุล
ลงทุนไอที 1,000 ล้าน เล็งเป้าหมาย 4 แนวทาง Digital Transformation
คุณพิทยา กล่าวว่าปี 2568 เป็นปีที่ไอทีมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อมาสนับสนุนการทำงานทุกส่วน KTC วางแผนลงทุนระบบ 1,000 ล้านบาท เปลี่ยน Core System ใหม่ หลังจากใช้งานระบบปัจจุบันมา 12 ปี เนื่องจากฐานลูกค้าเติบโตและจำนวนรายการธุรกรรมสูงขึ้นต่อเนื่อง เทคโนโลยีใหม่จะทำให้วางแผนได้คล่องตัวมากขึ้น เตรียมขยายทีมไอทีเพิ่มขึ้นจาก 60 คน เป็น 100 คน
ความคาดหวังก้าวสู่ Digital Transformation เต็มรูปแบบ KTC วางเป้าหมายไว้ 4 แนวทางหลัก
1. Reach Better : ใช้ช่องทางดิจิทัลในการขยายฐานสมาชิกกลุ่มใหม่ที่นิยมทำรายการด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ด้วยการพัฒนา E-Application ที่ง่าย ใช้ได้แบบเรียลไทม์ และปลอดภัย สามารถรู้ผลการสมัครได้รวดเร็ว พร้อมพัฒนาและทดสอบเครื่องมือในการประเมินคุณภาพสินเชื่อ (Credit Scoring Model) ใหม่ๆ เพื่อแสวงหาโอกาสของการขยายฐานสมาชิกที่ยังอยู่ในระดับความเสี่ยงที่รับได้
2. Grow Healthier : การบริหารฐานข้อมูลสมาชิกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนาบริการใหม่ๆ บนแอป KTC Mobile ที่ทำให้สมาชิกสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของ KTC ได้สะดวกและรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกและสร้างความมั่นใจในการใช้จ่าย
3. Bond Tighter : เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของบริการรวมถึงการสื่อสารบนช่องทางออนไลน์ ทั้งผ่านแอป “KTC Mobile” Line Connect, Facebook และเว็บไซต์ www.ktc.co.th เพื่อให้สมาชิกใช้งานง่าย สะดวกและมั่นใจมากขึ้น รวมถึงเครื่องมือที่ช่วยให้ทีมงาน Contact Center สามารถให้บริการตอบคำถามได้รวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ
4. Work Smarter : เตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือ กระบวนการและการพัฒนาทักษะ (Upskill) ด้านไอทีให้กับบุคลากร KTC ทั้งองค์กร ส่งเสริมการคิดริเริ่มและปรับปรุงกระบวนการทำงาน โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพงาน ลดค่าใช้จ่าย และพัฒนาทักษะของพนักงานให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
“เราคาดว่าการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับโครงสร้างการทำงาน (Digital Transformation) ในครั้งนี้ จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ รองรับการเติบโตของ KTC ในอนาคต”
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE