HomeFeaturedคุยกับ ‘วู้ดดี้ วุฒิธร’ เส้นทางสร้าง New S-curve ‘วู้ดดี้เวิลด์’ พร้อมเปิดมุมคิดทำไมคนเรา ‘ต้องเตรียมตัวตาย’ ไว้ล่วงหน้า

คุยกับ ‘วู้ดดี้ วุฒิธร’ เส้นทางสร้าง New S-curve ‘วู้ดดี้เวิลด์’ พร้อมเปิดมุมคิดทำไมคนเรา ‘ต้องเตรียมตัวตาย’ ไว้ล่วงหน้า

แชร์ :

จากจุดเปลี่ยนภูมิทัศน์สื่อยุคดิจิทัล ทำให้ “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” เจ้าของรายการดังอย่าง “วู้ดดี้เกิดมาคุย” และ “ตื่นมาคุย” ทางช่อง 9 ตัดสินใจปิดฉากรายการทีวี หลังโลดแล่นในวงการนี้มากว่า 10 ปี พร้อมก้าวสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์มเต็มตัวในปี 2561

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

มาปี 2568 จะเห็นอีกการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ กับ New S-curve การเติบโตใหม่ของ “วู้ดดี้เวิลด์”

BrandBuffet พาไปพูดคุยกับ “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ผู้ก่อตั้งวู้ดดี้เวิลด์ กับวิธีคิดการปรับวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนพร้อมเป็นผู้นำ การเปิด Business Unit ใหม่ที่จะเป็น New S-curve การเติบโตยุคใหม่ที่เป็นมากกว่าสื่อและอีเวนต์ และเหตุผลว่าทำให้เขาถึงสนใจการเตรียมตัวจากไปไว้ล่วงหน้า

จุดเปลี่ยนเลิกทำทีวีมุ่งออนไลน์เต็มตัว

หากย้อนไปจุดที่ทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจไปเป็นออนไลน์ 100% ทั้งที่ขณะนั้นเป็นเบอร์ต้นๆ ของรายการวาไรตี้ทอล์กทีวี คุณวู้ดดี้ เล่าว่ามาจากความรู้สึกว่า “ทีวี” ไม่ได้ตอบโจทย์อีกแล้ว และตัวเขาเองเริ่มไม่สนใจดูรายการทีวี แต่มองว่าออนไลน์น่าสนใจกว่า เพราะไม่มีข้อจำกัดรูปแบบการนำเสนอที่เป็นทางการเหมือนทีวี คอนเทนต์มีความ Real จึงใช้ความสนใจของตัวเองมาเปลี่ยนแปลงการทำคอนเทนต์ของ “วู้ดดี้เวิลด์”

“ส่วนตัวเป็นคนขี้เบื่อง่าย แต่นั่นอาจเป็นคุณสมบัติที่ทำให้อยู่รอดมาได้ในยุค Media Landscape เปลี่ยนอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา จากการไม่ยึดติดกับอะไรเลย แม้รายการทีวีได้รับความนิยมสูงในช่วงนั้น แต่ไม่ได้มองว่าจะอยู่ในจุดนั้นได้ตลอดไป จึงตัดสินใจเลิกทำทีวีและไปออนไลน์เต็มตัว”

เรียกว่าเป็นการตัดสินใจแบบเทหมดหน้าตักกับการไปออนไลน์ 100% สิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นมาจากฟีเจอร์ Live ใน Facebook ก็รู้แล้วว่าต่อไปนี้ใครๆ ก็ทำคอนเทนต์ Live ได้ แพลตฟอร์มโซเชียลจะกลายเป็นช่องทางหลักในการเสพคอนเทนต์ของผู้คน ผู้ผลิตรายการก็ต้องปรับตัวไปแฟลตฟอร์มเช่นกัน

ในยุค Technology Disruption ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา ที่ผ่านมาได้เห็นตัวอย่างแบรนด์ใหญ่ระดับโลก เช่น Kodak แล้วว่า หากปรับตัวไม่ทันจะเป็นอย่างไร การทำธุรกิจในยุคนี้จึงไม่สามารถอยู่กับความสำเร็จแบบเดิมได้อีกต่อไป

แม้วู้ดดี้เวิลด์ เปลี่ยนตัวเองจากคอนเทนต์ทีวี มาอยู่ในโลกออนไลน์ตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้ชม แต่ก็เป็นโลกที่ท้าทายจากผู้เล่นมีจำนวนมากกว่ายุคทีวี โดยเฉพาะในฝั่งคอนเทนต์ออนไลน์ที่คนธรรมดาก็ทำคอนเทนต์ได้ ทุกวันนี้จึงต้องใช้พลังทำงานเยอะกว่าเดิม

เทรนด์คอนเทนต์วิดีโอสั้นมาแรง

ปัจจุบันธุรกิจของ “วู้ดดี้เวิลด์” เป็นสื่อและดิจิทัลเอเจนซี่ ให้บริการทั้งวางกลยุทธ์และงานครีเอทีฟ ผลิตคอนเทนต์ สื่อออนไลน์ อีเวนต์ และเฟสติวัล

“ธุรกิจสื่อ” ทำคอนเทนต์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Facebook YouTube TikTok รายการหลักๆ ที่คุณวู้ดดี้ เป็นผู้ดำเนินรายการเอง Woody FM นำเสนอเรื่องราวชีวิตของดารา ศิลปิน นักธุรกิจ และบุคคลที่มีชื่อเสียง พูดคุยเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ สร้างแรงบันดาลใจในแง่มุมดีๆ

Woody FM ยังคงเป็นรายการหลักที่ทำอยู่ แต่แนวทางหลังจากนี้จะเน้นสัมภาษณ์คนที่อยู่ในกระแสระดับสากล เพื่อทำให้มีตัวเลือกมากขึ้น นอกจากบุคคลที่อยู่ในประเทศไทยที่ได้เชิญมาพูดคุยแล้วจำนวนมาก

จากพฤติกรรมผู้คนในยุคนี้ ที่ชินกับการเสพคอนเทนต์โซเชียลแบบสั้น มาเร็วไปเร็ว เห็นได้จากการเติบโตของผู้ใช้ TikTok Reels นิยมเสพคอนเทนต์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นข่าว บันเทิง ท่องเที่ยว รีวิว แรงบันดาลใจ โดยไม่มาเสียเวลาดูคอนเทนต์ยาว 30 นาทีอีกต่อไป อย่างรายการท่องเที่ยว ก็ดูแค่โมเม้นต์สั้นๆ เพื่อเป็นไอเดียจัดทริปท่องเที่ยวเอง

ถือเป็นเทรนด์คอนเทนต์ที่วู้ดดี้เวิลด์ เห็นทิศทางชัดเจนว่าจะไปทางคอนเทนต์สั้นมากขึ้นในปีนี้ แน่นอนว่าการมาในแนวทางนี้จะไม่เหลือคำว่า “รายการ” ที่เป็นฟอร์มแมทเดิมๆ อีกต่อไป

“เทรนด์คอนเทนต์สั้นมาแรง จึงท้าทายตัวเองและทีมงาน ด้วยการตั้งโจทย์หากต้องทำคอนเทนต์สั้น 15 วินาที เป็นไปได้หรือไม่และหน้าตาจะออกมาอย่างไร เพราะเชื่อว่าคอนเทนต์ยาวแนวโน้มลดลงแน่ๆ”

ปีนี้จะเปิดตัวช่องใหม่ Woody Well คอนเทนต์เกี่ยวกับ Health & Wellness การดูแลสุขภาพ การพัฒนาพลังงานในตัวเอง นวัตกรรมด้านสุขภาพ การย้อนวัย เป็นสิ่งที่คุณวู้ดดี้สนใจอยู่แล้ว โดยทำออกมาแบบครบวงจรทั้งคอนเทนต์พูดคุย เวิร์กช็อป สัมมนา

ปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวช่อง Life Dot เป็นคอนเทนต์ด้านการดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจ โดยมีคุณชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้รับความสนใจจากผู้ชมและสปอนเซอร์ตอบรับจำนวนมาก เพราะการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่ทุกวัยสนใจ

“วันนี้ผมไม่ได้สนุกกับการทำคอนเทนต์แนวบันเทิง เพราะมีรายการแนวนี้เยอะอยู่แล้ว ส่วนตัวก็ไม่ได้สนใจแนวบันเทิงมากนัก แต่สนใจคอนเทนต์ที่ทำให้ชีวิตเบาขึ้น ดีขึ้น ชอบคอนเทนต์แนวสาระ ทุกอย่างที่ทำวันนี้มีจุดยืนว่าต้องเปลี่ยนชีวิตคน คือคนดูต้องรู้สึกว่าเขาได้อะไรไปแล้วทำให้ชีวิต Fulfill มากขึ้น มีคำตอบในชีวิตมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น เติบโตและมีปัญญามากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นฝันใหญ่ของผมและสิ่งที่ทำกำลังเดินไปในทางนี้”

New S-curve ของวู้ดดี้เวิลด์

ปี 2567 ที่ผ่านมาคุณวู้ดดี้ ได้ร่วมมือกับคุณประนัปดา พรประภา จิราธิวัฒน์ นักธุรกิจหญิงมากความสามารถ และคุณซินดี้ สิรินยา บิชอพ เปิดตัว “ดราก้อนฟลาย” (Dragonfly) แพลตฟอร์มขับเคลื่อนสังคมระดับภูมิภาคเอเชีย เปิดตัวกิจกรรมแรกจัดประชุม Dragonfly Summit 2024 : H.E.A.L (Harmony, Empower, Acceptance, and Love)

ตั้งใจให้ Dragonfly เป็นแพลตฟอร์มพัฒนาการเป็นผู้นำ การเยียวยาดูแลร่างกายและจิตวิญญาณของผู้คน เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน

ในมุมของธุรกิจปี 2568 “วู้ดดี้เวิลด์” จะสร้าง New S-curve ต่อยอดจากธุรกิจคอนเทนต์ออนไลน์-ออฟไลน์ ทำให้ครบ Eco-system ด้วยการทำมาร์เก็ตเพลส อีคอมเมิร์ซ และขยายเฟสติวัลไปต่างประเทศ

โดยแบรนด์ที่แข็งแกร่งอย่างเฟสติวัล S2O ที่ได้ขยายไปจัดงานในต่างประเทศอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน จีน สหรัฐ ในเอเชีย และตะวันออกกลาง จะขยายในไปประเทศต่างๆ มากขึ้น ร่วมทั้งขยายเมืองเพิ่มขึ้นในประเทศที่เข้าไปแล้วทั้งในจีนและสหรัฐ เพราะเป็นเฟสติวัลที่สามารถขยายไปได้ทั่วโลก

นอกจากนี้วางแผนต่อยอด S2O ด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ รวมทั้งพัฒนาโปรดักท์ เช่น เครื่องดื่ม ของกิน ร้านอาหาร หรือโปรดักท์อื่นๆ ที่เป็นไปได้หลากหลาย สามารถจำหน่ายได้ในงานเฟสติวัลรวมทั้งช่องทางอีคอมเมิร์ซ

เช่นเดียวกับ Dragonfly ที่สามารถขยายไปจัดอีเวนต์ในต่างประเทศได้ ซึ่งมีหลายประเทศติดต่อเข้ามาแล้ว รวมทั้งพัฒนาเป็นโปรแกรม เทรนนิ่งให้คนในองค์กร และรูปแบบอคาเดมี่ นอกจากนี้สามารถพัฒนาเป็นสินค้าได้ด้วย

ส่วนเทศกาล FitFest จะจัดช่วงกลางปี 2568 ปีนี้จะเพิ่มเติมด้าน Wellness เข้ามาด้วย เพราะเทรนด์การดูแลสุขภาพกำลังเติบโตและมีวิธีในการดูแลตัวเอง

สรุปธุรกิจของ “วู้ดดี้เวิลด์” ประกอบด้วย คอนเทนต์, Experience (เฟสติวัลและอีเวนต์), โปรดักท์, อีคอมเมิร์ซ และคอมมูนิตี้ การสร้างชุมชนตามความสนใจต่างๆ เช่น จาก Dragonfly, คนแปลงร่าง, FitFest เพื่อทำให้คนติดตามอย่างต่อเนื่อง

“วู้ดดี้เวิลด์” โรงเรียนสร้างคนเก่ง

การจัดงาน Dragonfly H.E.A.L Summit ที่ผ่านมา ด้วยแนวคิด Connecting to the leader within เพิ่มพลังและเรียนรู้การใช้ชีวิตผ่านการดูแลตัวเองแบบองค์รวม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำที่ดีในทุกมิติ ซึ่งมีสปีกเกอร์ชั้นนำระดับโลกมากมายนำเสนอเนื้อหาที่โดดเด่นในการฮีลใจคนทำงานระดับผู้นำ ที่สามารถหยิบไปปรับใช้ได้ทั้งกับตัวเองและการบริหารงานกับผู้อื่นรอบตัว

การนำเสนอของ Dr. Joseph Kim, Team Simon Sinek ให้มุมมองเกี่ยวกับ “ผู้นำ” ที่ดีควรทำอย่างไร ทั้งด้านการบริหารธุรกิจและดูแลคนในองค์กร เพราะทุกคนมีบทบาทความเป็นผู้นำในตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด เป็นแนวทางนำมาปรับการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นทั้งกายและใจ ในการพัฒนาความเป็นผู้นำ ที่จะนำพาตัวเราและทีมไปสู่เป้าหมายต่างๆ ได้อย่างสำเร็จ

“แนวคิดที่ได้ฟังจาก Dr.Joseph Kim ว่า สิ่งที่ยั่งยืนที่สุดก็คือ ผู้นำสร้างผู้นำ ฟังแล้วตื่นทันที จึงนำมาปรับแนวทางบริหารคนในองค์กร ด้วยการให้แรงบันดาลใจกับคนทำงานที่พร้อมเติบโต และเป็นนโยบายว่าวู้ดดี้เวิลด์ จะเป็นบ้านของผู้นำ”

ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา “วู้ดดี้เวิลด์” ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน ในฐานะผู้นำองค์กร คุณวู้ดดี้ลงไปดูงานด้าน HR เอง ทำหน้าที่ให้แรงบันดาลใจลูกน้องทุกตำแหน่งวางเป้าหมายสูงสุดในการเป็น “ผู้นำ” ในอาชีพงานที่ทำอยู่ เพราะ “เป้าหมาย” เป็นสิ่งที่ท้าทาย เมื่อตั้งเป้าหมายแล้วทุกคนก็ต้องมาวางแผนวิธีการทำงาน พัฒนาทักษะในแต่ละวัน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำในตำแหน่งที่ใหญ่โต เพียงแต่ต้องเห็นผลลัพธ์การพัฒนาตัวเองในทุกๆ วัน ทำให้ติดเป็นนิสัยในการคิดว่าจะพัฒนาตัวเองอย่างไร เพื่อให้ไปให้ถึงเป้าหมายนั้น เพราะองค์กรไม่ใช่แค่จ้างคนมาทำงานและได้งานเท่านั้น แต่ต้องการให้คนทำงานพัฒนาตัวเองไปด้วยกัน

เช่น การตั้งเป้าหมายเป็นคนตัดต่อวิดีโอที่ใช้ AI ได้เร็วที่สุดในวงการ ดังนั้นทุกวันก็ต้องเรียนรู้การทำงานกับ AI มากขึ้น การวางเป้าหมายทำให้ Mindset คนทำงานเปลี่ยนไป ต้องวางแผนการทำงาน การพัฒนาตัวเองในแต่ละวัน ว่าจะทำอย่างไร ทำให้รู้ว่าชีวิตจะก้าวไปในทิศทางไหน ไม่เช่นนั้นก็เป็นแค่คนตัดต่อรายการไปเรื่อย ๆ เมื่อทำงานไปนานวันในสิ่งเดิม ๆ ก็จะหมดไฟ

แม้คนในองค์กรพัฒนาตัวเองได้ดี มีทักษะการทำงานที่ดี หากลาออกไปอยู่ที่อื่นๆ ก็รู้สึกดี เพราะอยากให้ “วู้ดดี้เวิลด์” เป็นโรงเรียนสร้างคนเก่งให้วงการนี้ ทุกวันนี้ไม่ได้มองใครเป็นคู่แข่ง และต้องการเห็นวงการคอนเทนต์พัฒนา สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้ผู้ชม

“เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เราไม่ได้อยากสร้างวู้ดดี้เวิลด์ให้เติบโตเท่านั้น แต่อยากให้วงการสื่อ คอนเทนต์ อีเวนต์ มีความหลากหลายมากขึ้น ให้ผู้คนได้เสพคอนทนต์ใหม่ๆ จึงต้องการเป็นโรงงานสร้างผู้นำ”

วันนี้หากองค์กรต้องการเติบโตก้าวกระโดด คนในองค์กรก็ต้องมี Energy ที่จะก้าวไปด้วยกันทั้งทีมด้วย “ความฝันของผม อยากมีทีมที่นำผม เร็วกว่าผม ไม่ต้องรอให้สั่งทุกเรื่อง จึงต้องฝึกฝนคนในองค์กรใหม่ให้ลงสนามการเป็นผู้นำ”

ทำไม “วู้ดดี้” ต้องเตรียมตัวตายไว้ล่วงหน้า

มุมการใช้ชีวิตในวัย 48 ปี คุณวู้ดดี้ มีความคิดเปลี่ยนไปตามกาลเวลา สิ่งที่อยู่ในความสนใจมาระยะหนึ่งแล้ว คือ “การเตรียมตัวตาย”

ด้วยเห็นว่าปัจจุบันคนทุกวัยตายได้ด้วยสาเหตุต่างๆ ไม่เฉพาะคนสูงวัยเท่านั้น ความตายเป็นเรื่องที่แน่นอนทุกคนต้องเจอ เพียงแต่เรารู้หรือยังว่าเวลาจะจากไป จะอยู่ในความรู้สึกแบบไหน เข้าใจหรือยังว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา

เมื่อมีความคิดเช่นนั้นจึงเริ่มศึกษาด้วยการเข้าคอร์สเกี่ยวกับการเตรียมตัวตาย ที่มีคนสนใจเรื่องนี้เช่นกัน ทำให้เห็นว่า ความกังวล ความห่วง ความยึดติด เป็นเรื่องทุกข์ที่สุดก่อนตาย หากมีลูก มีทรัพย์สินที่ปล่อยวางไม่ได้ และไม่ได้จัดการสิ่งต่างๆ หรือหากยังไม่ได้ขอโทษเพื่อนในสิ่งที่รู้สึกว่าได้ทำผิด จะเป็นสิ่งที่ติดอยู่กับตัวและไม่ตายตาหลับ

“การตายตาหลับ” คือเป้าหมายที่ คุณวู้ดดี้ บอกว่าอยากไปให้ถึง เมื่อได้ไปเข้าคอร์สการเตรียมตัวก่อนตาย ทำให้ไม่อยากติดค้างเรื่องต่างๆ กับใคร จึงต้องการเคลียร์ทุกอย่างกับทุกคน ทำให้ไม่อยากมีหนี้สิน ไม่อยากมีภาระกับใคร

โดยเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ทำพินัยกรรม บอกสิ่งต่างๆ เมื่อต้องจากไป ทั้งกรณีป่วยการรักษาระยะสุดท้าย ไม่ต้องยื้อชีวิตด้วยเครื่องช่วยหายใจ เพราะเคยเห็นกรณีแบบนี้ที่หลายครอบครัวไม่กล้าตัดสินใจให้จากไปจึงยื้อการรักษาไว้ บอกรูปแบบจัดงานศพ ต้องใช้โลงเย็น เพราะภาพสุดท้ายต้องการให้เห็นในสภาพที่โอเค ไม่ต้องการให้ฉีดฟอร์มาลีน เมนูอาหารในงาน สวดกี่วัน จัดการไว้หมดแล้ว

การเข้าคอร์สเตรียมตัวตาย ทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต ที่เราแทบไม่เคยพูดกันเลย และไม่สนใจเรื่องการตายของตัวเอง เพราะคิดกันว่า “ตายแล้วไม่ต้องรับรู้อะไร” แต่เป็นสิ่งที่สร้างภาระให้คนข้างหลังเช่นกัน จึงคิดว่าต้องเตรียมตัวตาย เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับใคร (คนข้างหลัง)

อีกทั้งการเตรียมตัวในสภาพที่ยังมีสติรับรู้ จึงไม่เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันในครอบครัว เพราะหากไม่เตรียมตัวอาจเป็นปัญหาของคนในครอบครัว ทะเลาะกันเรื่องพินัยกรรมไปถึงการจัดงานศพที่อาจมีความเห็นแตกต่างกันได้ การเตรียมตัวตายจึงเป็นเรื่องที่ควรศึกษาและเตรียมการไว้ล่วงหน้า ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกครอบครัว

ปัจจุบันคนที่สนใจเรื่องนี้ก็สามารถเตรียมสิ่งต่างๆ ไว้สำหรับตัวเองด้วยการเขียนไว้ใน “สมุดเบาใจ” ที่เป็นสมุดพินัยกรรมชีวิต โดยเขียนสิ่งที่ต้องการไปเรื่อย ๆ เป็นการเตรียมตัวก่อนจากไป ทั้งของตัวเองและพ่อแม่ก็ได้

การเตรียมตัวก่อนจากไปไม่ใช่แค่สำหรับตัวเองและครอบครัวเท่านั้น แต่ได้เตรียมไว้ให้คนทำงาน “วู้ดดี้เวิลด์” ด้วย เช่น การเปิดช่อง Life Dot ที่ผู้ดำเนินรายการไม่ใช่คุณวู้ดดี้ รวมทั้งรายการอื่นๆ ที่ทีมงานสามารถทำต่อได้ การขยายธุรกิจไปสู่ New S-curve ใหม่ๆ นอกจากการทำคอนเทนต์ในชื่อของวู้ดดี้ เพื่อทีมจะได้ทำต่อได้

อีกมุมของการใช้ชีวิต หลังการประกาศใช้ “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” ของประเทศไทยในวันที่ 23 มกราคม 2568 ทำให้ “คู่รักทุกเพศ” สามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นครั้งแรก คุณวู้ดดี้ ถือเป็นตัวแทนของกลุ่ม LGBTQ+ มองว่าเป็นสิ่งที่ดี แสดงให้โลกเห็นว่า ไม่ว่าจะรักกันแบบไหน “มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน” เป็นสังคมที่เคารพซึ่งกันและกัน เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นจุดหมายกลุ่ม LGBTQ+ ที่จะเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองไทยมากขึ้น ถือเป็นความก้าวหน้าของชาติ

ย้อนไป 11 ปีก่อน หลายคนเคยเห็นข่าวว่า วู้ดดี้ และ โอ๊ต อัครพล จับจิตรใจดล ฉลองแต่งงาน แต่นั่นคือแต่งกันเองแบบไม่มีกฎหมายรองรับ เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 คุณวู้ดดี้และคุณโอ๊ต ได้จดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการและถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีนายทะเบียนสำนักงานเขตปทุมวัน ดำเนินการจดทะเบียนสมรส ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีครอบครัวและคนที่รัก มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ฉลองไปด้วยกัน

“นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สวยงามและเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว เรามาไกลมาก เราภูมิใจที่ประเทศไทยได้บอกกับชาวโลกว่าเราเปิดกว้างกับความรักทุกรูปแบบ ขอส่งความรักไปยังทุก ๆ คนนะครับ” คุณวู้ดดี้กล่าวปิดท้าย

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like