ร้าน Saucy by KFC สาขาแรกเปิดตัวเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2024 ที่เมืองออแลนโด รัฐฟลอริด้า
อาจเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตาของธุรกิจฟาสต์ฟู้ดในสหรัฐอเมริกา เมื่อแบรนด์ดังอย่าง KFC, Taco Bell พากันเปิดตัวร้านแนวคิดใหม่ของตนเองกันอย่างคึกคัก เช่น Saucy (KFC), Live Más Café (Taco Bell) เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมถึง CosMc’s จาก McDonald’s ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าเมื่อปี 2023
ทั้งนี้ จุดเด่นของการเปิดตัวร้านใหม่ก็คือ การฉีกออกจากกรอบเดิม เช่น Saucy ของ KFC ที่มีจุดขายเป็นซอสพิเศษ 11 ชนิด สำหรับรับประทานร่วมกับไก่ทอด โดยที่ไม่มีเมนูอื่น ๆ ของ KFC เข้ามาแย่งความสนใจ
สำหรับซอสที่ออกแบบมาให้ร้าน Saucy มีตั้งแต่ซอสที่ให้รสชาติแบบดั้งเดิม เช่น ซอสบาร์บีคิว ไปจนถึงซอส Ranch เช่น ซอสชิมิชูรี แรนช์, ซอสเปริเปริ แรนช์, ซอสเพสโตฮาลาปิโน และแรนช์เบคอนรมควัน
นอกจากนั้นยังมีซอสที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิภาคเอเชีย เช่น ซอสรสหวานและเผ็ดแบบไทย, ซอสเทอริยากิเสิร์ฟในร้านด้วย
ความพิเศษอีกข้อของ Saucy คือการสั่งอาหาร เพราะ KFC บอกว่า ลูกค้าสามารถออกแบบออเดอร์ได้มากกว่า 4,000 แบบโดยที่ไม่ซ้ำกัน (ในร้านยังมีเครื่องเคียงอย่างขนมปังฮาวายเอี้ยนปิ้ง, เฟรนช์ฟรายส์ และโคลด์สลอว์ให้จับคู่ได้ด้วย)
ส่วนของหวานทางร้านก็เตรียมไว้เช่นกัน ได้แก่ เค้กมูสช็อกโกแลต หรือเค้กมะนาว
Live Más Café ร้านที่โฟกัสเครื่องดื่ม ไม่ใช่ Taco
ถ้าการฉีกออกจากกรอบเดิมของ Saucy ถือว่าน่าสนใจแล้ว สิ่งที่ Taco Bell ทำกับการเปิดตัวร้าน Live Más Café อาจต้องเรียกว่าเป็นการทำสิ่งใหม่ไปเลยก็ว่าได้ เพราะ Live Más Café (เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2024 ที่เมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย) เป็นร้านที่โฟกัสในเมนูเครื่องดื่ม ไม่ใช่ Taco แบบที่เคยถนัด โดยเมนูในร้านมีตั้งแต่มิลค์เชค กาแฟ น้ำผลไม้ และน้ำอัดลมรสชาติต่าง ๆ
R.J. Hottovy ผู้บริหารฝ่ายวิจัยของ Placer.ai กล่าวถึงแนวคิดของร้าน Live Más Café ว่า เป็นการรุกตลาดเครื่องดื่ม – ของว่างในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งในสหรัฐอเมริกา มีแบรนด์ดังอย่าง Starbucks และ Dunkin’ เป็นเจ้าตลาดอยู่ พร้อมบอกด้วยว่า ตลาดดังกล่าวมีการเติบโตที่รวดเร็วมาก อีกทั้งยังมีแบรนด์น้องใหม่อย่าง Dutch Bros, Swig และ Scooter’s Coffee เข้ามาร่วมแข่งด้วย ทำให้ตลาดดังกล่าวเต็มไปด้วยความคึกคัก
“ร้านขายเครื่องดื่มถือเป็นเชนที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมร้านอาหาร เมื่อเทียบจากจำนวนผู้มาใช้บริการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวคิดของร้าน Live Más Café ที่เน้นเมนูเครื่องดื่มอาจสามารถดึงดูดกำลังซื้อจากคนรุ่นใหม่ และทำให้ Taco Bell เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้นด้วยนั่นเอง”
ส่วน CosMc’s ของ McDonald’s นั้น เปิดตัวเมื่อปี 2023 โดยบอกว่าต้องการเจาะตลาด Afternoon beverage pick-me-up occasion ของสหรัฐอเมริกา เห็นได้จากการให้ความสำคัญกับบริการ drive-thru ค่อนข้างมาก และในสาขาแรกที่เปิดให้บริการในชิคาโกนั้น มีเลน drive-thru มากถึง 4 เลนเลยทีเดียว (ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายของ McDonald’s ในสหรัฐอเมริกาปัจจุบัน ที่มาจาก drive-thru ถึง 70% นั่นเอง)
สำหรับ เมนูอาหารของร้าน CosMc’s พบว่า มีความแตกต่างกับเมนูในร้าน McDonald’s พอสมควร โดยมีทั้งเมนูแซนด์วิช อาหารว่าง ไอศกรีม คุ้กกี้ ตลอดจนเครื่องดื่มอื่น ๆ นอกเหนือจากกลุ่มกาแฟ
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ CosMc’s คือการเปิดให้สั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน โดยสามารถสั่งซื้อและมารับที่หน้าร้าน หรือจะกดสั่งซื้อผ่านบริการ Drive-Thru ก็ได้เช่นกัน โดยเป้าหมายของ CosMc’s ที่บริษัทตั้งไว้คือการเปิดให้ได้ 10 สาขาภายในสิ้นปี 2024
อย่างไรก็ดี ข้อมูลของ CosMc’s แสดงให้เห็นว่า จนถึงตอนนี้ บริษัทได้เปิดตัวร้านไปเพียง 7 แห่งเท่านั้น โดยอยู่ในรัฐอิลลินอยด์หนึ่งแห่ง และรัฐเท็กซัสอีก 6 แห่ง
Pizza Hut กับร้านดีไซน์ใหม่ มีเมนูสำหรับ Drive-Thru โดยเฉพาะ
อีกหนึ่งแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยกันดีและมีการเปิดบริการใหม่ก็คือ Pizza Hut โดยในเดือนธันวาคม Pizza Hut ได้เปิดตัวร้านดีไซน์ใหม่เช่นกัน พร้อมเมนูพิเศษสำหรับคำสั่งซื้อแบบ Drive-Thru ในชื่อ Hut N’ Go ขึ้นในเมือง Plano รัฐเท็กซัส
นอกเหนือจากเมนูใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อบริการ Drive-Thru แล้ว ร้าน Pizza Hut แห่งนี้ ยังมีการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย โดยมีระบบไฟส่องสว่าง, เตาอบประหยัดพลังงาน, หม้อทอดอัตโนมัติ และเครื่องดูดควันมาพร้อมกัน ซึ่งร้านดีไซน์ใหม่นี้ ทาง Pizza Hut มองว่า สามารถดึงดูดผู้ใช้บริการให้เข้ามาเยี่ยมเยือนได้มากขึ้น
อีกหนึ่งข้อที่น่าสนใจก็คือ การฉีกออกมาสร้างร้านแนวใหม่ของฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นว่า ร้านอาหารแนวคิดใหม่ (ไม่เน้นขยายสาขาอย่างรวดเร็ว และตัวร้านใช้พื้นที่ไม่เยอะ) กำลังเป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของสหรัฐอเมริกาเลือกใช้เพื่อเข้าถึงอินไซต์ หรือกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ โดยที่พวกเขาไม่ต้องลงทุนมากนัก
อีกทั้งการเปิดตัวในระดับดังกล่าว หากไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาก็ไม่เจ็บตัวมาก และยังอาจได้ข้อมูลที่น่าสนใจนำกลับไปใช้กับบริษัทแม่ได้อีกด้วย แต่ถ้าร้านแนวคิดใหม่เหล่านี้ประสบความสำเร็จก็เท่ากับย้ำให้เห็นว่า พวกเขาสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างตรงจุด โดยที่ไม่สร้างความสับสนให้กับลูกค้าหลักของตนเองเช่นกัน