ย่างเข้าสู่เดือนที่ 2 ของปีกันแล้ว แต่ดูเหมือนเศรษฐกิจไทยยังเต็มไปด้วยความเปราะบางอยู่มาก ไม่มี Good News หรือ Engine of Growth มาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้คึกค้ก ส่งผลให้ “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน” (KKP) มองเศรษฐกิจไทยปี 2568 อาจจะโต “ชะลอ” ตัว
ทำไม KKP ถึงมองเช่นนั้น และผู้ประกอบการต้องรับมืออย่างไรกับเศรษฐกิจโตชะลอตัว เพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้ ตามมาฟังคำตอบจาก “ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
3 ปัจจัย ฉุดเศรษฐกิจไทยปี’68 โตชะลอตัว
หากดูภาพเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ต้องถือว่าชะลอตัวค่อนข้างมาก แต่ปี 2568 ยังน่าห่วงไม่แพ้ก้น โดย ดร.พิพัฒน์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจน่าจะอยู่ในทิศทางชะลอตัวอยู่ โดย GDP จะขยายตัวที่ 2.6% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากมี 3 ปัจจัยสำคัญที่ต้องระวังและจับตาต่อเนื่อง
อย่างแรกคือ ภาคบริการและการท่องเที่ยว แม้จะยังเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวกลับมา 35 ล้านคน เติบโต 23% จากปี 2566 และปีนี้คาดว่านักท่องเที่ยวจะแตะ 38 ล้านคน โดยเติบโตเพียง 7% จากปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการบริการยังเติบโตอยู่ แต่มีแรงส่ง “เบาลง”
อย่างที่สองคือ หลายอุตสาหกรรมยังเจอแรงกดดันอยู่ โดยเฉพาะ 3 อุตสาหกรรมหลักของไทย ได้แก่ รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การแข่งขันของสินค้านำเข้า รวมถึงต้นทุนสูงขึ้น และนโยบายการค้าของทรัมป์ ซึ่งอาจมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันได้
อย่างที่สามคือ ภาคการเงิน มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้เริ่มเห็นภาพสินเชื่อโดยรวม “หดตัว” เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี จากปัญหาหนี้ครัวเรือน และภาวะเศรษฐกิจ
ยากจะกลับไปโตแบบเดิม
ดร.พิพัฒน์ บอกว่า GDP 2.6% ที่ประเมินไว้ ถือเป็น New Normal เพราะก่อนโควิด เศรษฐกิจไทยเคยเติบโตได้เกิน 3% แต่ตอนนี้โอกาสจะกลับไปเติบโตเหมือนก่อนโควิดนั้น “ยากขึ้น” เรื่อยๆ เพราะจำนวนประชากรไทยลดลง หากมองในมุมนักลงทุน หมายความว่าตลาดเล็กลง มีเพียงเซ็กเมนต์เดียวที่ยังโตไปอีก 10 ปีคือ คนสูงวัย ซึ่งก็เปรียบเหมือนเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพการผลิตน้อยลง
“สมัยก่อนเราชอบพูดกันว่าให้กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้นโยบายการเงิน การคลัง ซึ่งเป็นเพิ่มดีมานด์หรือกำลังซื้อ แต่วันนี้สิ่งที่เราต้องทำคือ เพิ่มซัพพลาย ถ้าไม่ลงทุนเพิ่ม Productivity ไม่ดีขึ้น GDP ก็ไม่มีทางโต”
แนะ 3 ทางรอดให้ธุรกิจได้ไปต่อ
เมื่อภาวะเศรษฐกิจไม่เติบโตเร็วเหมือนเดิม ดร.พิพัฒน์ บอกว่า สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจโตต่อไปได้คือ การเพิ่ม “มาร์จิ้น” ให้มากขึ้น ซึ่งการจะเพิ่มมาร์จิ้นได้ หมายความว่า ประสิทธิภาพต้องดีขึ้น
ฉะนั้น สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการต้องทำคือ การลดคอร์ส หรือ Consolidate กันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองด้านราคามากขึ้น
สอง ธุรกิจต้องมองกว้างขึ้น จะพึ่งพาตลาดในประเทศอย่างเดียวไม่ได้ ต้องหาตลาดใหม่
สาม ธุรกิจต้องรู้ Core Competency ของตัวเอง และหาวิธีสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE