HomeBrand Move !!กิจการต่างประเทศดันกำไร CPF ปี 2567 ทะลุ 19,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 476%

กิจการต่างประเทศดันกำไร CPF ปี 2567 ทะลุ 19,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 476%

แชร์ :

“ซีพีเอฟ” (CPF) เปิดรายได้ปี 67 กำไรทะลุเป้า รับอานิสงค์การปรับสมดุลของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น คาดการณ์ปี 68 ผลการดำเนินงานดีต่อเนื่อง พร้อมเสริมแกร่ง “นวัตกรรมความยั่งยืน” ติด Top1% S&P Global CSA score (DJSI)

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยผลการดำเนินงาน ของซีพีเอฟและบริษัทย่อย ในปี 2567 ว่า บริษัทมียอดขาย 580,747 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 19,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 476% จากภาวะขาดทุนในปี 2566

สำหรับสัดส่วนรายได้หลักปี 2567 มาจากกิจการต่างประเทศ 63% จากการลงทุนใน 13 ประเทศ สัดส่วนรายได้จากกิจการประเทศไทย 31% และสัดส่วนรายได้จากกิจการส่งออก 6% จากการทำการค้าผลิตภัณฑ์อาหารไปมากกว่า 50 ทั่วโลก

ทั้งนี้หากแยกสัดส่วนรายได้ตามประเภทธุรกิจหลัก แบ่งเป็น ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) คิดเป็นสัดส่วน 23% ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ คิดเป็น 55% และธุรกิจอาหาร คิดเป็น 22%

คุณประสิทธิ์ กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการในปี 2567 ที่ดีขึ้นเกินเป้าหมายนั้น เป็นผลหลักมาจากกิจการต่างประเทศมีการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานที่ดีอย่างชัดเจน จากการปรับสมดุลย์ของปริมาณผลิตให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ ทำให้อุตสาหกรรมสุกรฟื้นตัวจากภาวะราคาตกต่ำที่เกิดจากสินค้าล้นตลาดในปี 2566 โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามที่ดีขึ้นเกินเป้าหมายจากภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้นจากผลกระทบโรคระบาด ASF ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพการเลี้ยงสัตว์และการจัดหาวัตถุดิบที่ดีขึ้น การจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากปีก่อน เหล่านี้ทำให้บริษัทมีต้นทุนที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจากปีก่อน

“แนวโน้มธุรกิจซีพีเอฟในปี 2568 ยังมองว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตจากปีก่อนได้ต่อเนื่อง จากการที่บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพให้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจ รวมทั้งการพัฒนาสินค้าที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและความพึงพอใจของผู้บริโภค และมองหาโอกาสการลงทุนที่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก ตลอดจนส่งเสริมนวัตกรรมความยั่งยืน (Sustainovation) เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจที่สามารถสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน ดั่งสะท้อนจากการที่บริษัทได้รับประเมินความยั่งยืนองค์กรที่ระดับ Top 1% โดย S&P Global หรือเดิมที่เรารู้จักกันในชื่อ DJSI”

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ติดตามและประเมินสถานการณ์ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการดำเนินงานทุกด้านอย่างใกล้ชิด อาทิ การดำเนินนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 ว่าจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศอย่างไร ปัจจัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนโรคระบาดสัตว์ที่มีการแพร่กระจายอยู่ในต่างประเทศหลายประเทศ ซึ่งทางบริษัทได้เพิ่มมาตรการดูแลป้องกันผลกระทบอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความมั่นคงทางอาหารในแต่ละประเทศ

คณะกรรมการบริษัทซีพีเอฟได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลครั้งที่สองจากผลการดำเนินงานปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งแรกในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 24 เมษายน 2568 นี้


แชร์ :

You may also like