คุณปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต
อาจเป็นการประกาศกลยุทธ์ที่แตกต่างจากสถาบันการเงินอื่น ๆ โดยผู้บริหารทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ขอเป็นธนาคารที่หันมามองจากมุมของลูกค้าที่ต้องการปลดหนี้ภายใต้เงื่อนไขดีขึ้น ตลอดจนได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ตรงกับความต้องการ และหันมาสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ ตลอดจนการแยกกลุ่มลูกค้าและหา Pain Point ของแต่ละกลุ่มเพื่อจัดการปัญหาให้ตรงจุด
กลยุทธ์ของทีเอ็มบีธนชาต เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “The MEANINGFUL Change” โดยคุณปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า มาจากความท้าทายของสภาพเศรษฐกิจ ทั้งในระดับโลกและภายในประเทศไทยเอง ทำให้ทั้งภาคธุรกิจและประชาชนเผชิญภาระทางการเงินหนักขึ้น นอกจากนั้น ประเทศไทยยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างเรื้อรัง โดยคนไทยเผชิญภาวะ “แก่แต่ยังเป็นหนี้” รายได้ไม่เพิ่มแต่ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 16.3 ล้านล้านบาท หรือ 89% ของ GDP
ส่วนธุรกิจ SME ถูกดิสรัป เข้าถึงแหล่งทุนได้ยากขึ้น และธุรกิจต้องปิดตัวลงมากขึ้น ซึ่งในมุมของคุณปิติมองว่า สถานการณ์เหล่านี้สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการมีมาตรการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถกลับมาตั้งหลักทางการเงินได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ ทางธนาคารได้มีการเปิดเผยสถิติต่าง ๆ ของผู้ใช้บริการด้วย เช่น
- – บริการรวบหนี้ที่ช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 2,240 ล้านบาท
- -สินเชื่อสวัสดิการอเนกประสงค์ที่ให้พนักงานเงินเดือนองค์กรเข้าถึงสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โดยปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือแล้วกว่า 8,800 ล้านบาท
- – การจัดทำโปรแกรม Financial Literacy ที่ประกอบด้วยแพลตฟอร์มตรวจสุขภาพการเงินออนไลน์ที่มีลูกค้าเข้าร่วมวัดระดับหนี้กว่า 96,000 ครั้ง
- – คอร์สให้ความรู้ทางการเงินออนไลน์และบริการให้คำปรึกษาโค้ชปลดหนี้
- – โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้าสามารถตั้งหลักใหม่ได้
เข้าใจพฤติกรรมการเงินลูกค้าสินเชื่อ 4 กลุ่ม
นอกจากนี้ ในมุมของธนาคาร การช่วยลูกค้าทุกกลุ่มปลดหนี้และสร้างเสถียรภาพทางการเงิน ต้องเริ่มจากความเข้าใจพฤติกรรมทางการเงินของแต่ละกลุ่ม ซึ่งทีทีบีพบว่าลูกค้าสินเชื่อสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก โดยแต่ละกลุ่มมีปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน และนำไปสู่การออกแบบโปรแกรมช่วยเหลือที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม ได้แก่
· ลูกหนี้ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเริ่มค้างชำระหรือสะสมหนี้จนไม่สามารถชำระได้ตามปกติ ทีทีบี ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ยกเว้นการเก็บดอกเบี้ย พร้อมกับลดค่างวดให้ตลอด 3 ปี เพื่อให้โอกาสลูกค้าที่ต้องการสู้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าทีทีบีกว่า 21% จากลูกค้าเป้าหมายลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
· ลูกหนี้ที่ผ่อนชำระดี ให้ความสำคัญกับเครดิตของตนเองและพยายามชำระหนี้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งกลุ่มนี้กลับเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือและถูกลืม ในปีนี้ทีทีบีจึงต้องการเข้าไปช่วยเหลือดูแลกลุ่มนี้เป็นพิเศษ ด้วยการเปิดตัวโปรแกรม “ผ่อนดี…มีรางวัล” ที่มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าสินเชื่อกลุ่มคนมีรถ คนมีบ้าน พนักงานเงินเดือน เช่น หากลูกค้ามีประวัติผ่อนดีจะได้รับข้อเสนอรีไฟแนนซ์ที่ดอกเบี้ยต่ำกว่า และยังได้รับรางวัลเป็นส่วนลดดอกเบี้ย หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ และยังรวมถึงลูกค้าเอสเอ็มอี และผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลาง
· ลูกหนี้ที่อยากเข้าระบบ ได้แก่ ลูกค้าเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่อาจจะถูกกันออกจากระบบ อันเนื่องมาจากข้อจำกัดต่าง ๆ และต้องการที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงิน โดยทางธนาคารได้พัฒนาโซลูชันทางการเงินสำหรับลูกค้าผู้ประกอบการกลุ่มนี้เพื่อให้เกิด Financial Inclusion
– กลุ่มลูกหนี้พร้อมเท เป็นกลุ่มที่มีภาวะภัยทางศีลธรรม หรือ Moral Hazard โดยเป็นกลุ่มที่สถาบันการเงินมองว่า จะทำให้ลูกหนี้ที่ดีไม่มีที่ยืนได้ในอนาคต
มีอะไรใน The MEANINGFUL Change
คุณปิติ กล่าวถึงปี 2568 หรือปีแห่ง ‘The MEANINGFUL Change’ ว่า “เราไม่ได้ต้องการเป็นธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อ แต่ต้องการสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง และพร้อมดูแลและช่วยเหลือให้ลูกค้าสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”
โดยในปีนี้ ทีทีบีจะมีการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ เช่น พัฒนาช่องทางการทำธุรกรรมด้วยตนเองผ่านออนไลน์ (ปัจจุบัน จำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 92% ของธุรกรรมวันนี้เกิดขึ้นบนช่องทางแอป ttb touch แล้ว) นอกจากนั้น ภายในแอปจะมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การประเมินวงเงินสินเชื่อได้ภายใน 2 นาที ผ่านฟีเจอร์ My Credit และสมัครสินเชื่อได้ทันทีบนแอป ttb touch นอกจากนี้ ยังสามารถสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน “ยินดี” Chatbot AI อัจฉริยะ บนแอป ttb touch ไม่ต้องเสียเวลารอสายกับ Contact Center, ขอ E-statement สำหรับยื่นขอวีซ่าผ่านแอป ttb touch ได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม, ใช้บัตร ttb all free digital ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี แต่ยังสามารถใช้ช้อปปิ้งออนไลน์และถอนเงินแบบไร้บัตรผ่านตู้ ATM
เปิดตัว Loyalty Program ใหม่ เมษายนนี้
นอกจากนี้ ทีทีบีจะมีการเปิดตัว “ttb loyalty program” ครั้งแรกของวงการธนาคารไทยผ่านแอป ttb touch ที่มีการกำหนด Status Tier ให้กับลูกค้า ttb touch จำนวน 5.5 ล้านรายด้วย (แบ่งเป็น Basic, Bronze, Silver, Gold, Platinum และ Diamond) โดยจะมีภารกิจต่าง ๆ ให้ร่วมสนุก และรับสิทธิประโยชน์ทั้งในด้านไลฟ์สไตล์และด้านการเงิน
เปิดสถานการณ์ “หนี้”
ด้านคุณฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ทีทีบีมุ่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความมีวินัยทางการเงินอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มนี้อาจจะยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ทั้งที่มีประวัติผ่อนดี ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ หรือค้างชำระหนี้ ซึ่งทีทีบีมองเห็นความสำคัญของคนกลุ่มนี้ จึงเปิดตัวโปรแกรม “ผ่อนดี…มีรางวัล” โดยมีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น
· สินเชื่อบ้าน ลูกค้ารีไฟแนนซ์ ผ่อนดีดอกเบี้ยคงที่ตลอดสัญญา No Step Up Rate 3.39% ต่อปี* (*MRR-4.215% ต่อปี) ดอกเบี้ยปีที่ 4 ไม่มีกระโดด โดยไม่ต้องไปรีไฟแนนซ์ทุก ๆ 3 ปี และหากผ่อนดีต่อเนื่อง มีดอกเบี้ยพิเศษ 5.45% ต่อปี* (*MRR-2.155% ต่อปี) เมื่อต้องการวงเงิน Top Up หรือเลือก Undo ค่าโปะได้ เมื่อต้องการเงินฉุกเฉิน ถอนเงินที่โปะมาใช้ได้ทันที ผ่านบัตรกดเงินสด พร้อมฟรีค่าประเมิน และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย
· สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ลูกค้าที่ผ่อนดี รีไฟแนนซ์มาที่ทีทีบี ลดดอกเบี้ยทันที เริ่มต้นเพียง13% ต่อปี พร้อมรับเงินคืน 5% ของดอกเบี้ยปีแรก เมื่อผ่อนดีต่อเนื่องครบ 12 เดือน
· สินเชื่อบุคคล เมื่อรีไฟแนนซ์ผ่านบัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช ลดภาระดอกเบี้ยทันที เริ่มต้นเพียง 17% ต่อปี (จากปกติสูงสุด 25% ต่อปี) พร้อมส่วนลดดอกเบี้ยผ่อนดี สูงสุด 2% ทุกปี (เหลือต่ำสุด 13% ต่อปี) และหากผ่อนตามแผนที่แนะนำการันตีปิดหนี้ได้ใน 3 ปี
ซึ่งโปรแกรมผ่อนดี…มีรางวัลนี้จะเปิดให้เข้าร่วมตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน – 31 สิงหาคม 2568 โดยลูกค้าทีทีบีปัจจุบันที่เป็นกลุ่มผ่อนดีก็จะได้รับสิทธิประโยชน์เช่นกัน (ธนาคารจะมีแผนการสื่อสารรายละเอียดของโปรแกรมอีกครั้ง)
เปิดให้ลูกค้าธุรกิจเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกฟรี
คุณศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต นำเสนอแอปพลิเคชัน ttb smart shop
ด้านคุณศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในปีนี้ว่า จะให้การสนับสนุนลูกค้าคอมเมอเชียล ในฐานะเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้มากขึ้น ผ่านโซลูชันต่าง ๆ เช่น
– ttb smart shop แอปพลิเคชันสำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้าน หรือมีร้านหลายสาขา โดยสามารถใช้งานได้ฟรี และเมื่อมีการขายเกิดขึ้น เงินจะโอนเข้าบัญชีร้านได้ทันทีด้วย (สามารถเลือกได้ว่าจะโอนทันที หรือโอนตอนเย็นทีเดียว) ภายในแอปจะมาพร้อมกับรายงานเชิงลึกที่ช่วยต่อยอดและวางแผนการขายในอนาคต เช่น ข้อมูลว่า ร้านค้าขายดีในวันไหน เมนูขายดีคืออะไร ฯลฯ เพื่อให้การวางแผนสต็อกสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปัจจุบันมีธุรกิจเข้าใช้งานแล้วประมาณ 13,000 ราย และ 80% มาจากธุรกิจอาหาร
– ttb business one เป็นแอปพลิเคชันสำหรับผู้ประกอบการ ที่สามารถสมัครและเปิดบัญชีได้ด้วยตนเอง โดยในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้จะมีการเปิดตัวบัญชีดิจิทัลรูปแบบใหม่เพื่อให้ลูกค้าทำงานได้สะดวกขึ้น เช่น การยืนยันตัวตนที่ไม่ต้องไปทำที่สาขาอีกต่อไป
– เว็บไซต์ปันบุญ โดย ทีทีบี สำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างโครงการดี ๆ สามารถเข้ามาสร้างโครงการบนเว็บไซต์ดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ในตลาดคอมเมอเชียล คุณศรัณย์เผยว่ายังมีธุรกิจไทยที่สามารถเติบโตได้ถึง 7 อุตสาหกรรม และมองว่าการส่งเสริมด้านการเงินอย่างถูกต้องจะทำให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีศักยภาพในการเติบโตได้ในอนาคต
ขณะที่คุณปิติได้ทิ้งท้ายต่อการแก้ปัญหาสภาพคล่อง และความท้าทายที่ภาคธุรกิจ – ผู้บริโภคไทยเจอไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ปัญหาสภาพคล่อง การกู้คือการทำให้ปัญหาแย่ลงไปอีก เป็นโจทย์ระดับชาติ แบงค์ใส่เงินลงไปสิ การใส่เงินไม่ใช่คำตอบ แบงค์ลดดอกเบี้ยสิ การลดดอกเบี้ยไม่ใช่คำตอบ”
“เราต้องยกระดับความสามารถในการหารายได้ ซึ่งที่ผ่านมา เราก็พยายามช่วยยกระดับให้ได้มากที่สุด ในกลุ่มที่เรารู้จักเขามากที่สุด”