HomeBrand Move !!WHA เปิดใจ ชะลอ IPO บริษัท WHAID เพราะตลาดผันผวน

WHA เปิดใจ ชะลอ IPO บริษัท WHAID เพราะตลาดผันผวน

แต่ผู้บริหารขอให้เชื่อมั่น สถานะการเงินยังแกร่ง คาดสิ้นปี 5 ธุรกิจหลักทำได้ตามเป้า

แชร์ :

WHA อธิบายเพิ่ม หลังประกาศชะลอแผน IPO ของ WHAID โดยระบุว่ามาจากสภาวะตลาดผันผวนกว่าที่คาด ซึ่งการตัดสินใจเดินตามแผน IPO ในสถานการณ์เช่นนี้ อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น ย้ำ Outlook ธุรกิจ และสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง ไม่กระทบแผนการเติบโตของ 5 กลุ่มธุรกิจหลัก

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

หลังจากที่บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“WHA” หรือ “บริษัทฯ”) ได้แจ้งมติคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการชะลอแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก และการนำหุ้นสามัญของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (“WHAID”) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“แผน IPO”) และการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (“WHAUP”) โดยให้เหตุผลว่า สภาวการณ์ตลาดทุนที่มีความผันผวนมาก การตัดสินใจเดินหน้าธุรกรรมตามแผน IPO ในสถานการณ์เช่นนี้ อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น 

ทางคุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดแถลงข่าวออนไลน์เพื่อชี้แจงในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม โดยระบุว่า บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในแผนการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ และส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น 2.9 เท่าภายในปี 2573 จากการเติบโตของทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจโมบิลิตี้ ธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัล โดยยังคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

ขอบคุณภาพจาก WHA Group

ระงับ IPO เพราะตลาดผันผวน

ส่วนแผน IPO ของ WHAID และการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP ได้มีการเตรียมการมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยผ่านกระบวนการพิจารณาวางแผน และการเตรียมการร่วมกับที่ปรึกษาในด้านต่าง ๆ มาอย่างรอบคอบในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าแผน IPO นี้ จะสามารถสร้างประโยชน์ เพิ่มความสามารถในการเติบโต และเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ที่สภาวะตลาดทุนของประเทศไทยมีความผันผวนมากในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ประกอบกับการที่บริษัทฯ ได้รับฟังมุมมองและข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากนักวิเคราะห์ นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง หลังจากการประกาศแผน IPO ของ WHAID ก่อนหน้านี้

บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจที่จะชะลอแผน IPO ของ WHAID และการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP ออกไปก่อน เพื่อให้การดำเนินธุรกรรมดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุด และมีความชัดเจนต่อผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯ จะติดตามและประเมินปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดทุน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อตลาดทุนของประเทศไทย ตลอดจนผลการดำเนินงานและโอกาสการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท (โดยในจุดนี้ ทางคุณจรีพรไม่ได้ระบุเป้าหมายด้านระยะเวลาแต่อย่างใด)

นอกจากนี้ ทาง WHA ยังระบุว่า บริษัทยังมีการเติบโตต่อเนื่องและคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายของของแต่ละธุรกิจได้ ดังนี้

1) ธุรกิจโลจิสติกส์

เตรียมขยายธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในไทยและเวียดนาม โดยมุ่งเน้นพื้นที่ยุทธศาสตร์ เช่น สมุทรปราการ EEC และเมืองรองของประเทศไทย รวมทั้งขยายคลังสินค้าขนาดใหญ่ในเวียดนาม เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและอุตสาหกรรมส่งออก ตั้งเป้าสร้างโครงการใหม่ประมาณ 200,000 ตารางเมตร ภายในปี 2568 ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มเป็นประมาณ 3,309,000 ตารางเมตร และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4,297,000 ตารางเมตร ในอีก 5 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ สำหรับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) มุ่งเป้าสู่การยกระดับจากการให้บริการการจัดการขนส่งและคลังสินค้า (3PL) ไปสู่การวางแผน ออกแบบ และบูรณาการระบบโลจิสติกส์อย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับบริษัทและลูกค้า (4PL) โดยอาศัยจุดแข็ง และความเชี่ยวชาญร่วมของ WHA และ PTTGC เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจโลจิสติกส์

2) ธุรกิจโมบิลิตี้ (ภายใต้แบรนด์ Mobilix)

ปัจจุบันประกอบไปด้วย 3 บริการหลัก ได้แก่ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) ซึ่งมุ่งเน้นการให้บริการกลุ่มลูกค้า B2B โดยตั้งเป้าจำนวนผู้ใช้บริการรถเช่าสะสมจำนวน 1,700 คันภายในปี 2568 และเป็น 20,000 คัน ภายในปี 2572

3) ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

ปัจจุบัน มีการเร่งขยายการเติบโตทั้งในไทยและเวียดนาม เพื่อดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มดาต้าเซนเตอร์ และกลุ่มสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมในประเทศไทยและประเทศเวียดนามจากทั้งหมด 15 แห่งเป็น 17 แห่งภายในปี 2568

นอกจากนี้ WHAID ตั้งเป้าที่จะพัฒนาที่ดินอุตสาหกรรมในอีก 5 ปีข้างหน้า เพิ่มอีก 12,700 ไร่ รวมเป็น 88,000 ไร่ โดยล่าสุด WHAID ประกาศเดินหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรม WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 (WHA ESIE 5) เฟสที่ 1 บนพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ในพื้นที่อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง พร้อมให้นักลงทุนเริ่มเข้าก่อสร้างได้ปลายปี 2568 โดยมุ่งเน้นรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมดาต้าเซนเตอร์ ซึ่งจะช่วยผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งอนาคตระดับโลก

4) ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน

สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค มุ่งขยายธุรกิจน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม โดยจะเดินหน้าพัฒนา Smart Water Solutions เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ โดยตั้งเป้ายอดจำหน่ายน้ำและบำบัดน้ำเสียรวมประมาณ 173 ล้านลูกบาศก์เมตรภายในปี 2568 และเพิ่มเป็นประมาณ 280 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2572 สำหรับธุรกิจพลังงาน มุ่งขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ควบคู่ไปกับการเดินหน้าพัฒนาโซลูชันพลังงานใหม่ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเป็น 1,185 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็นประมาณ 1,600 เมกะวัตต์ในปี 2572

5) ธุรกิจดิจิทัล

เป็นธุรกิจที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการนำเทคโนโลยีต่างๆ เช่น AI และ IoT มาประยุกต์ใช้ในแต่ละธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน โดยตั้งเป้าหมายพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่ ภายในปี 2568

คุณจรีพรกล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ยังสามารถใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และการจัดหาแหล่งเงินทุนต่าง ๆ มาลงทุนตามแผนธุรกิจและงบลงทุน โดยยังคงรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนในระดับต่ำกว่า 1.20 เท่า แม้จะชะลอแผน IPO ของ WHAID ออกไปก็ตาม

ส่วนผลประกอบการปี 2567 ของ WHA Group พบว่า มีกำไรปกติอยู่ที่ 4,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% (Y-Y) และมีรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไร 14,342 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 14,303 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ทำให้กำไรปกติสร้างสถิติใหม่ เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้นของ 5 กลุ่มธุรกิจ และการประสบความสำเร็จในการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHAIR มูลค่ารวม 1,065 ล้านบาทนั่นเอง

 


แชร์ :

You may also like