เพราะเชื่อว่าการมีสมดุลย์ในการใช้ชีวิตจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และการใช้เวลาอยู่ที่ทำงานก็ควรมีความสุขไปด้วย ด้วยเหตุนี้ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จึงลงทุนปรับปรุงออฟฟิศใหม่ ด้วยงบลงทุน 20 ล้านบาท สร้าง SC ASSET ให้เป็นบ้านของพนักงานทุกคน โดยมีเป้าหมาย “ทำ SC ASSET ให้เป็นที่ๆ น่าทำงานด้วยมากที่สุดในประเทศไทย”
ด้วยพื้นที่ 1,143 ตารางเมตร ได้กลายเป็นพื้นที่ที่เรียกว่า “Social Club” เล่นกับตัวอักษร SC มีส่วนของ สนามแบดบินตั้น 2 คอร์ท, ห้องโยคะ, ห้องคาราโอเกะ, ห้องซ้อมดนตรี เพื่อเนรมิตให้ออฟฟิศซึ่งพนักงานต้องใช้เวลา 1 ใน 3 ของชีวิตอยู่ที่นี่ ทำงานได้อย่างมีความสุข และใช้เวลาหลังเลิกงานเพื่อออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเพื่อการพักผ่อน ด้านหนึ่งทำให้พนักงานมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น แต่จุดประสงค์หลักอยู่ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคนในองค์กรแน่นแฟ้นมากขึ้น โดยเฉพาะพนักงานที่อยู่คนละแผนกให้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้นนอกจากเวลาทำงาน โดยคอนเซ็ปท์ในการออกแบบ “Social Club” รวมทั้งปรับปรุงออฟฟิศในส่วนอื่น เน้นความเป็น COZY ไม่ดูเป็น Corporate เกินไป ทำให้ช่องว่างระหว่างแผนก ระหว่างหัวหน้า-ลูกน้องกระชับมากขึ้น สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงขององค์กรที่ ณัฐพงศ์เล่าว่า
“มันเป็นช่วงจังหวะชีวิต 5 ปีที่แล้วเรามีพนักงาน 280 คน ตอนนี้ 800 คน โตขึ้นประมาณ 3 เท่า แต่ Gen Y เพิ่มขึ้น 6 เท่า และต่อไป Gen Y จะเป็น 70% ของตลาดแรงงาน และคน Gen Y คือกคนที่เกิดมาตอนพ่อแม่สบายแล้ว เติบโตขึ้นมากับเทคโนโลยีที่แค่คลิกก็ได้สิ่งที่ต้องการ ทุกอย่างสบายไปหมด คน Gen Y มีลักษณะการทำงานที่ Work+ Life Balanced เรามี 3 Gen ในองค์กรเราก็ต้องทำการสื่อสารภายในองค์กร แล้วการสื่อสารก็ต้องทำให้คนบริษัทพูดกันก่อน”
ด้วยเหตุนี้พื้นที่ที่สร้างความสมดุลย์ของการใช้ชีวิตและทำให้พนักงานได้มีโอกาสมาสังสรรค์ร่วมกันจึงเกิดขึ้น มีหัวข้ออื่นนอกเหนือจากเรื่องงานให้คุยกัน หรือแม้แต่พนักงานที่ออกไปทำงานที่ไซต์งานจะเข้ามาจอยพื้นที่ก็ทำได้ หรือถ้าไม่เข้ามาบริษัทก็มีงบให้ออกกกำลังกายที่อื่น นอกจากพื้นที่ผ่อนคลายแล้ว ออฟฟิศทั้งหมดก็พยายามปรับให้เข้ากับวัตถุประสงค์นี้ ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมที่มีทั้งแบบ Formal และ ห้องที่มีแค่โต๊ะกลมขนาด 5 ที่นั่ง พื้นที่โต๊ะทำงานที่มีผนังสูงไม่เกิน 1.30 เมตร เมื่อนั่งลงแล้วต้องมีสมาธิทำงาน ติดรูปหรือตกแต่งได้ตามใจชอบ แต่เมื่อยืนขึ้นต้องมองเห็นเพื่อนร่วมงานได้ทั้งฟลอร์
อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่า ในเมื่อ SC ASSET คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทก็อุตส่าห์สร้างบ้านของตัวเองอย่างดีแบบนี้แล้ว แล้วบ้านของลูกค้าละ จะแจ่มแจ๋วการันตีได้แบบนี้หรือไม่
“ผมก็อยากจะสร้างองค์กรที่มีจุดเริ่มต้นแบบนี้ ทำงานแล้วต้องความความสมดุลย์ ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำบ้าน สร้าง Benefit ให้กับพนักงาน ทุกอย่างมันต้องไปด้วยกัน ถ้าพนักงานเรามีความสุขการออกแบบบ้านก็มีความสุข บางครั้งการออกแบบบ้านมันเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น เวลาใส่รองเท้าถ้าเราสร้างบันได หรือชั้นวางเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้นั่งใส่รองเท้าได้ด้วย เรื่องพวกนี้มันจะเริ่มต้นขึ้นได้ก็ต้องเกิดจากการที่พนักงานมีความสุขในชีวิตก่อน”
ปีนี้ผลประกอบการของ SC Asset อยู่ที่ตัวเลข 12,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายจะเติบโตถึง 20,000 ล้านบาทภายในปี 2019 โดยปีหน้าจะแตกแบรนด์ใหม่ มีโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ที่ราคาเริ่มต้นที่ 3.5-5 ล้านบาท โดย Brand Positioning ที่วางเอาไว้แบ่งเป็น 3 เรื่อง 1. Premium มีความเป็นพรีเมี่ยมแบบไม่โอ้อ้วด การซื้อบ้านของ SC ASSET จะกลายเป็นความภูมิใจกับเงินที่เก็บออมมา แสดงออกถึงความมั่นคง 2. Warm and Caring ทุกแบรนด์บ้านมีเรื่องที่ทำผิด-ถูกทั้งนั้น แต่เมื่อได้รับ Complain ก็จะต้องจัดการกับปัญหาโดยไม่อิดออด 3. Sincere จริงใจ รักษาสัญญาที่ให้ได้
ส่วนชีวิตส่วนตัวของผู้บริหารหนุ่มคนนี้เขาเองก็เป็นนักวิ่งมักแบ่งเวลาไปวิ่งที่สวนสาธารณะอย่างสม่ำเสมอตามเวลาที่สะดวก หรือถ้าหากว่าไปไม่ได้จริงๆ ก็จะวิ่งในลู่วิ่งของที่ทำงาน เป็นช่วงเวลาที่พนักงานเข้ามาทักทายพูดคุยด้วยได้ และตอนนี้ก็เตรียมตัวเป็นคุณพ่อมือใหม่ พยายามเคลียร์งานให้เสร็จภายในเวลา 6 โมงเย็นหรือเลทสุดไม่เกินหนึ่งทุ่มเพื่อกลับบ้านให้เร็วที่สุด