เจดับบลิวที (JWT) บริษัทที่ปรึกษาด้านการสื่อสารการตลาดชั้นนำระดับโลกในเครือดับบลิวพีพี กรุ๊ป ร่วมเฉลิมฉลองพร้อมกันอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 150 ปี เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ประกาศขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง พร้อมมุ่งสู่การเป็นเบอร์หนึ่งที่ปรึกษาด้านสื่อสารการตลาด ยุคดิจิตัล และในโอกาสนี้ เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ได้ริเริ่มกิจกรรมเพื่อสังคม “Spark the Future” โดยจับมือกับ 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ร่วมบ่มเพาะและผลิตคนโฆษณารุ่นใหม่เพื่อพัฒนาธุรกิจความคิดสร้างสรรค์ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน (J. Walter Thompson) เป็นที่รู้จักฐานะนักโฆษณา และเป็นผู้ริเริ่มธุรกิจโฆษณา โดยเป็นผู้ก่อตั้งเอเจนซี่เจดับบลิวทีให้ทั่วโลกได้รู้จักมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1864 ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้ริเริ่มและบุกเบิกทำให้ปัจจุบัน เจดับบลิวทีมีพนักงานคุณภาพกว่า 10,000 คน ท่ามกลางสำนักงานสาขากว่า 200 แห่ง ใน 90ประเทศทั่วโลก และเป็นเวลากว่าหลายทศวรรษแล้วที่เจดับบลิวทียังคงให้บริการและเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าระดับโลก ซึ่งรวมถึง ยูนิลีเวอร์ (Unilever) 109ปี, คิมเบอร์ลีย์-คล๊าค (Kimberly-Clark) 84 ปี, เนสท์เล่ (Nestle) 81 ปี, เคลล็อกส์ (Kellogg’s) 80 ปี, โรเล็กซ์ (Rolex) 68 ปี, ฟอร์ด (Ford) 67 ปี, ยู.เอส.มารีนส์ (U.S. Marines) 66 ปี, จอห์นสัน แอนด์ จอนห์สัน (Johnson & Johnson) 51 ปี, และเชลล์ (Shell) 49 ปี
ในโอกาสเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์แห่งการเป็นผู้บุกเบิก เจดับบลิวทีได้ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าด้วยพันธกิจและวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตด้วยการสร้างสรรค์ความคิดเชิงบุกเบิก โดยให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการในการมีส่วนร่วมและอยากใช้เวลาอยู่ด้วย “ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ร่วมงาน องค์กรชั้นนำระดับโลก ในช่วงเวลาที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เจดับบลิวที คือ เอเจนซี่โฆษณาที่มีดีเอ็นเอของการเป็นผู้บุกเบิก ในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ลูกค้า และผู้บริโภค” กล่าวโดย มร. กุสตาโว มาร์ติเนซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แห่งเจดับบลิวที เวิลด์ไวด์ และกล่าวเสริมอีกว่า “กลยุทธ์ของเราในการเติบโตในปีหน้าและปีถัดๆ ไปนี้ คือ การดึงเอาจุดแข็งขององค์กรออกมาจากจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้บุกเบิกของเราออกมา”
จากการเป็นผู้บุกเบิกในหลายๆ ด้านในธุรกิจอุตสาหกรรมโฆษณา อาทิ การบุกเบิกโฆษณาทางนิตยสารในการเป็นเอเจนซี่โฆษณาแรกที่ขยายธุรกิจออกไปต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้มีการส่งคิทแคท (Kit Kat) ออกไปสู่อวกาศ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งที่ตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้บุกเบิกในโลกของอุตสาหกรรมโฆษณาที่เจดับบลิวทีได้สร้างสรรค์ความคิดและวิธีการใหม่ๆ ในการสื่อสารที่ชัดเจนและทำให้เกิดการมีส่วนร่วม อีกทั้งยังเป็นที่จดจำได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย
ในขณะที่ มร. บ็อบ เฮคเคลแมน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจดับบลิวที ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ได้ดำเนินงานให้สอดคล้องกับเจดับบลิวทีทั่วโลก โดยเป็นเอเจนซี่โฆษณาที่ให้ความสำคัญในการสร้างสรรค์แบรนด์และคิดค้นไอเดียใหม่ๆ ตลอดจนมีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนากลยุทธ์สื่อสารการตลาดแบบรอบด้าน โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์ผ่านทางสื่อดิจิตัลที่กำลังมีบทบาทอย่างสูงในการตลาดยุคปัจจุบัน และถือเป็นหลักการทำงานที่สำคัญที่ทางเจดับบลิวทีทั่วโลกและประเทศไทยได้คำนึงมาโดยตลอด”
ด้วยบทบาทของสื่อดิจิตัลในปัจจุบันที่มีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เจดับบลิวทีจึงได้ทุ่มเทพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจในศักยภาพของสื่อดิจิตัล ตลอดจนศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง เพื่อที่จะสร้างสรรค์ไอเดียและแบรนด์ให้สามารถสื่อสารไปถึงผู้บริโภคได้อย่างประสิทธิภาพ นอกเหนือไปจากนี้ ผู้บริหารและทีมงานของเจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ซึ่งผ่านการสร้างสรรค์กลยุทธ์และงานครีเอทีฟให้แก่แบรนด์ที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างมากมาย รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในการนำหลักคิด Think Global and Act Local มาประยุกต์ใช้เพื่อให้แบรนด์ระดับโลกได้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มเป้าหมายทางการตลาดภายในประเทศได้อย่างมีชั้นเชิงอีกด้วย
นอกจากนี้ มร. บ็อบ เฮคเคลแมน ยังได้เปิดเผยถึงแนวการทำงานของเจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ภายใต้นโยบายการบริหารงานของ มร. กุสตาโว มาร์ติเนซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจดับบลิวที เวิลด์ไวด์ และ มร. แมตต์ อีสต์วู้ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ ที่ต้องการให้บุคคลากรภายในองค์กรทุกฝ่ายตั้งแต่ฝ่ายบริหารงานลูกค้า ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ฝ่ายความคิดสร้างสรรค์และฝ่ายการเงิน ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนางานด้านครีเอทีฟทุกชิ้น ทั้งนี้เพื่อให้ได้ผลงานการสร้างสรรค์และยุทธวิธีที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและลูกค้าได้มากที่สุด ขณะเดียวกันได้ให้ผนึกกำลังร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรของดับบลิวพีพี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารการตลาดประเภทต่างๆ และมีสำนักงานสาขาตั้งอยู่ทั่วโลกและในประเทศไทย ได้ร่วมกันทำงานแบบอินเตอร์คอนเนคชั่น (Interconnection) นำศักยภาพและจุดเด่นของแต่ละฝ่ายมาพัฒนากลยุทธ์ร่วมกันแบบ 360 องศา เพื่อให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแบบรอบด้าน
“เจดับบลิวที (กรุงเทพ) มีบริษัทพันธมิตรภายใต้เครือดับบลิวพีพีกรุ๊ป และเจดับบลิวที กรุงเทพฯ กรุ๊ป ที่เหนียวแน่น ซึ่งมีความเชี่ยวชาญงานด้านการสื่อสารที่รอบด้าน เช่น เวิรฟ (Verve Public Relations Consultancy) ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ชั้นนำ ดีกรี (Degree) ศูนย์กลางงานดีไซน์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบครบวงจร และ เจ-คอนเนคท์ (J-Connect) ครีเอทีฟดิจิตัลเอเจนซี่ ที่เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารการตลาดบนช่องทางสื่อดิจิตัลและออนไลน์ ดังนั้นด้วยศักยภาพของพันธมิตรที่เรามีอยู่จึงทำให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลงานและพัฒนาแผนการสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมได้อย่างยอดเยี่ยม” มร. บ็อบ เฮคเคลแมน กล่าว
ด้านคุณปรัตถจริยา ชลายนเดชะ กรรมการผู้จัดการ เจดับบลิวที (กรุงเทพ) ในฐานะหัวเรือใหญ่คนใหม่ล่าสุด ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารการตลาดบนช่องทางดิจิตัลว่า “เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ตระหนักดีว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมีความเครียดจากสภาวะกดดันจากรอบด้านมากขึ้น รวมถึงเวลาที่พวกเขาจะสนใจงานโฆษณา หรือการสื่อสารต่างๆ ก็น้อยลง ด้วยเหตุนี้เราจึงนำ “Time, Tension, and Idea (เวลา ความกดดัน และไอเดีย) มาเป็นแนวทางในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ของลูกค้า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์และการบริการของพวกเขากลายเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์และช่วยแก้ไขปัญหาสภาวะกดดันของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็จะทำให้ผู้บริโภคให้ความสนใจและเข้ามามีส่วนร่วมกับแคมเปญการสื่อสารมากยิ่งขึ้น”
ในโอกาสเดียวกันนี้ เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ยังได้ตระหนักถึงอนาคตของธุรกิจโฆษณาในประเทศซึ่งเป็นธุรกิจที่มีทรัพยากรบุคคลเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก จึงได้ริเริ่มโครงการ “Spark The Future” โดยการร่วมมือกับ 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในการเข้าไปมีส่วนช่วยทางด้านการศึกษาทั้งการบ่มเพาะและให้คำแนะนำจากประสบการณ์จริงในธุรกิจอุตสาหกรรมโฆษณาแก่ทั้งอาจารย์และนิสิตนักศึกษา เพื่อเป็นการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพให้สาขาอาชีพนักโฆษณา “โครงการนี้ริเริ่มขึ้นเนื่องในโอกาสที่ JWT ครบรอบ 150 ปี โดยเรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นอีกหนึ่งผู้ช่วยเหลือและผลักดันให้มีบุคลากรคุณภาพเข้ามาในวงการโฆษณา ดังนั้น จึงขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้ง5 แห่ง เพื่อแบ่งปันประสบการณ์จริงในการสร้างแบรนด์ และกรณีศึกษาต่างๆและการตัดสินรางวัลบนเวทีโฆษณาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อเป็นส่วนประกอบของหลักทฤษฎีในหลักสูตร รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาเข้าฝึกงานที่เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) เพื่อเติมเต็มความรู้ และพัฒนานักศึกษาให้เตรียมพร้อมรับมือกับโลกที่แท้จริงในการทำงานในอนาคต และก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจโฆษณาอย่างเต็มภาคภูมิ โดยโครงการนี้จะดำเนินการต่อไปในทุกๆปี เพื่อให้มั่นใจว่า เจดับบลิวที มีส่วนร่วมในการพัฒนาอนาคตของวงการโฆษณาอย่างแท้จริง” คุณปรัตถจริยา ชลายนเดชะ กล่าว
ทั้งนี้ อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเจดับบลิวทีในโอกาสครบรอบ 150 ปี คือ การปรับเปลี่ยนโลโก้เป็น นกฮูกและตะเกียง (The Owl and the Lamp) ซึ่งเป็นการรวมสัญลักษณ์แห่งความสติปัญญา ความรอบรู้ แสงสว่าง และวิสัยทัศน์อันชัดเจน โดยเมื่อรวมกันแล้วมีความหมายถึงประสบการณ์และความรู้ที่นำไปสู่ความสำเร็จ
เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) เป็นเอเจนซี่ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการสร้างสรรค์ไอเดียและกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดให้แก่แบรนด์ชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยกว่า 32 ปีแห่งการเติบโตอย่างมั่นคงในประเทศไทย
เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ยังคงยึดมั่นรักษาวัฒนธรรมและปรัชญาในการทำงานอันเป็นเสมือนมรดกที่สืบทอดมาอย่างยาวนานกว่า 150 ปี นับตั้งแต่ยุคแรกเริ่มในชื่อ เจ. วอลเตอร์ ทอมป์สัน จนกระทั่ง เจดับบลิวที เวิลด์ไวด์ ในปัจจุบัน รวมทั้งยังเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตและยืนหยัดได้อย่างมั่นคง