ซาร่า (ZARA) แบรนด์ Fast Fashion ชื่อดัง ดำเนินภาระกิจครองโลกและปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ โดยเปลี่ยนใช้กลยุทธ์ใหม่ ทั้งการบริหารสต๊อกให้พอดีและอัพเดทคอลเล็คชั่นใหม่ให้ถี่ขึ้น ประมาณทุกๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งต่างจากแบรนด์อื่นที่อัพเดทเป็นซีซั่น(ฤดูกาล)
จากการรายงานของ New York Times กลยุทธ์ของ Zara มี 2 อย่าง กลยุทธ์แรก คือ พยายามให้ลูกค้ากลับมาร้านให้บ่อยขึ้น และจะต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า เมื่อพวกเขาต้องการซื้อ จะต้องมีสินค้าให้พวกเขาเสมอ ด้วยกลยุทธ์นี้ทำให้ Zara ประสบความสำเร็จอย่างท่วมถ้นและกำลังทำให้สินค้า Luxury อย่าง Stella McCartney , Chanel และอื่นๆ เริ่มเครียดไปตามๆกัน เนื่องจาก Zara พยายามจะไปตั้งร้านใกล้กับร้านพวกเขาเท่าที่จะใกล้ได้ ขณะเดียวกันสินค้า Luxury ก็พยายามหนีให้พ้นจากแบรนด์ Fast Fashion ทั้งหลายเช่นกัน
“นี่เป็นการทลายกฏของวงการแฟชั่นเก่าๆที่มีมากว่าศตววรษ ปัจจุบันมีแบรนด์แฟชั่น Hi-end จำนวนไม่น้อย ที่ออก 4-6 คอลเล็คชั่น ตาม Zara แทนที่จะออกเพียงแค่ 2 คอลเล็คชั่นต่อปี เช่น Prada , Louis Vuitton เป็นต้น ปรากฏการณ์นี้มันเป็นเพราะ Zara จริงๆ”
อีกหนึ่งกลยุทธ์ คือ Zara มีอิทธิพลต่อแฟชั่น ด้วยการลบล้างความคิดที่ว่า “เสื้อผ้าราคาแพง ยิ่งน่าครอบครอง” แต่กลับใส่ความคิดที่ว่า “ได้ของหรูหรา แต่ในราคาถูก น่าภูมิใจและบอกต่อ” ตัวอย่าง เคท มิดเดิลตัล พระชายา เจ้าชายวิลเลี่ยม ยังถูกถ่ายอิริยาบถต่างๆกับแบรนด์ Zara
Zara จึงเหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน นอกจากนี้ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถซื้ออะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการจากหลายช่องทางและหลากหลายราคา อีกทั้งพวกเขามีความเฉลียวฉลาดมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้าที่พวกเขาต้องการ
สุดท้ายแล้ว บริษัทใดที่ขายสินค้าแฟชั่นระดับบน แต่ราคาถูกลง และสามารถบริหารสินค้าในสต๊อคได้ดี คือ บริษัทที่จะอยู่รอดในตลาด และเชื่อว่า ร้าน/แบรนด์อื่นๆ จะต้องเดินตามโมเดลของ Zara แน่นอน
ที่มา : Business Insider