นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยมีแผนที่จะรุกธุรกิจดิจิทัล แบงกิ้งใหม่ๆอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปโดยเฉพาะบทบาทของดิจิทัล แบงกิ้ง ที่จะมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตของลูกค้ามากขึ้นอีกในอนาคต
“เราประสบความสำเร็จอย่างดีมากในการให้บริการดิจิทัล แบงกิ้ง ปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทยมีลูกค้าผู้ใช้บริการนี้จำนวนมากกว่า 7 ล้านบัญชี และคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้ จะมีจำนวนเพิ่มเป็น 9.5 ล้านบัญชี ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดปริมาณธุรกรรมผ่านระบบของธนาคารฯ 1,230 ล้านธุรกรรม เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวจากปี 2556 ทั้งนี้ จากเทรนด์การใช้งานเทคโนโลยีด้านการสื่อสารข้อมูลบนโลกดิจิทัลที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วทั่วโลก ทั้งด้านความนิยมของการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ บทบาทของสมาร์ทโฟนในการให้บริการตามไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ การใช้โปรแกรมประมวลผลและเก็บข้อมูลด้วยหน่วยงานภายนอก (Cloud) และการบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ในโลกออนไลน์เพื่อสร้างบริการหลากหลาย (Big Data) สะท้อนว่า โลกดิจิทัลคือช่องทางที่มีศักยภาพสูงมากในการสร้างนวัตกรรมการให้บริการต่าง ๆ ในรูปแบบใหม่ และดิจิทัล แบงกิ้ง คือช่องทางบริการสำคัญที่อยู่ในยุทธศาสตร์หลักของธนาคารกสิกรไทย ที่เรามีแผนในการออกบริการทางการเงินใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารฯ สามารถออกนวัตกรรมใหม่ ๆ ในเชิงรุกได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อรองรับการใช้งานที่จะทวีปริมาณมากขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคต ธนาคารฯ จะดำเนินการปรับโครงสร้างระบบไอทีหลักให้ทันสมัยขึ้น โดยจะใช้เวลาสั้น ๆ ในช่วงสุดสัปดาห์กลางเดือนกรกฎาคมนี้” นายธีรนันท์กล่าว
ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทยจะมีการปรับปรุงระบบไอทีหลักของธนาคาร โดยใช้เวลาไม่เกิน 48 ชม. ตั้งแต่ เวลา 22.00 น. ของวันศุกร์ที่ 17กรกฎาคม 2558 ถึงเวลา 22.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2558 เพื่อรองรับการพัฒนาบริการด้านดิจิทัล แบงกิ้ง ใหม่ ๆ ของธนาคาร และเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้แก่ลูกค้าของธนาคารให้ดียิ่งขึ้น สามารถรองรับปริมาณลูกค้าและจำนวนธุรกรรมทางการเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ในทุกช่องทาง ทั้งนี้ ในช่วงเวลาการปรับปรุงระบบดังกล่าว ธนาคารกสิกรไทยจะงดให้บริการต่าง ๆ เป็นการชั่วคราว ยกเว้น ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย ยังสามารถใช้บัตรเครดิตในการชำระค่าสินค้าและบริการทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ตามปกติ รวมทั้งร้านค้ารับบัตรเครดิตที่ใช้บริการเครื่อง EDC และ K-PowerP@y (mPOS) ของธนาคารกสิกรไทย ยังสามารถใช้เครื่องดังกล่าวรับชำระด้วยบัตรเครดิตของทุกธนาคารได้ตามปกติ การงดให้บริการชั่วคราวเพื่อพัฒนาระบบไอทีหลักครั้งนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าบางรายที่ต้องใช้เงินสดหรือทำธุรกรรมในช่วงกลางคืนวันที่ 17 กรกฎาคม ถึงกลางคืนวันที่ 19กรกฎาคม ทำให้ไม่ได้รับความสะดวก ดังนั้นจึงขอความกรุณาลูกค้าสำรองเงินสดให้เพียงพอสำหรับใช้จ่ายส่วนตัวและธุรกิจในช่วงดังกล่าว รวมทั้งวางแผนทำธุรกรรมต่าง ๆ กับธนาคารไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้ การปรับปรุงระบบครั้งนี้จะไม่มีผลกระทบกับข้อมูลบัญชีของลูกค้า เนื่องจากธนาคารได้ทดสอบการใช้งานระบบและสำรองข้อมูลบัญชีทั้งหมดไว้เป็นอย่างดี ลูกค้ายังสามารถใช้หมายเลขบัญชีเดิมได้ทุกกรณี และธนาคารยังคงคำนวณดอกเบี้ยต่อเนื่องให้กับลูกค้าทุกบัญชีตามปกติ
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาการปรับปรุงระบบครั้งนี้ ธนาคารฯ จะงดให้บริการต่าง ๆ ได้แก่ สาขาของธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาทั่วประเทศ การทำธุรกรรมของบัญชีทุกประเภท ทั้งรายการฝาก ถอน โอน รับโอน และเช็คยอดเงินในบัญชี บริการบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต บัตรสินเชื่อเงินสดทันใจกสิกรไทย (K-Express Cash) จะไม่สามารถใช้บริการได้ทั้งการใช้งานผ่านเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยและต่างธนาคาร ตลอดจนบัตรซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย (K-Web Shopping Card) เครื่องเอทีเอ็ม เครื่องฝาก-ถอนเงินสดอัตโนมัติ เครื่องปรับสมุดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ ช่องทางบริการอิเล็กทรอนิกส์แบงกิ้งทุกประเภท ทั้งบริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือ (K-Mobile Banking PLUS) บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต (K-Cyber Banking) และบริการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ (K-Speed Top Up)
บริการที่ไม่สามารถใช้ได้ เริ่ม 17 ก.ค. เวลา 22.00 น
1. สาขาธนาคาร
2. บัตรเดบิต / บัตรเอทีเอ็ม / บัตรสินเชื่อเงินสดทันใจ (K Express Cash)
3. บัตรซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตกสิกรไทย (K-web shopping card)
4. เครื่องเอทีเอ็ม เครื่องฝากถอนเงินสด เครื่องปรับสมุดบัญชีอัตโนมัติ
5. ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เช่น K-Mobile Banking Plus , K-Cyber Banking , บริการโทรศัพท์อัตโนมัติ
ลูกค้าสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center โทร. 0 2888 8888 และสำหรับลูกค้าธุรกิจสามารถสอบถามได้ที่ ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า (Relationship Manager) หรือ K-Biz Contact Center โทร. 0 2888 8822