เป็นที่รู้กันแล้วว่าวันที่ 17 กันยายนเป็นฤกษ์งามยามดีที่ Facebook เปิดตัวสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยในช่วงเช้าเป็นการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน มีสำนักข่าวทั้งสิ้น 40 แห่ง เข้าร่วมงาน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยแบบเข้มข้น ตรวจทั้งกระเป๋า และบัตรประชาชนก่อนเข้างาน ก่อนที่ในช่วงเย็นจะเป็นช่วงเวลาของเอเยนซี่ชั้นนำ และลูกค้าคนสำคัญ
มีคำถามหนึ่งในงานแถลงข่าวที่ว่าทำไมเฟซบุ๊กจึงเลือกช่วงเวลานี้เปิดตัวในประเทศไทย ซึ่ง แดน เนียรี่ รองประธาน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ของFacebook ที่เดินทางมาเป็นผู้บริหารหลักในการแถลงข่าวครั้งนี้ เปิดเผยว่า ” หลายปีที่ผ่านมานี้ เฟซบุ๊กมีออฟฟิศที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ที่เราเพิ่งเปิดออฟฟิศในประเทศไทยก็เพราะต้องใช้เวลาในการดูแลแพลตฟอร์ม และลูกค้าในเอเชียแปซิฟิค และตอนนี้เมื่อเฟซบุ๊กมาเปิดสำนักงานที่ประเทศไทย เราก็จะสามารถ Personalize ให้เหมาะสมกับตลาดมากยิ่งขึ้น และ Relevant กับธุรกิจในประเทศไทย”
ส่วนภารกิจสำคัญที่เฟซบุ๊กมาเปิดตัวในประเทศไทยมี 2 เรื่องหลัก
1. เชื่อมโยงคนไทยกับ Application ในเครือเฟซบุ๊ก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, WhatsApp และ Instagram ซึ่งกำลังจะเปิดให้โฆษณาอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ เฟซบุ๊กต้องการเชื่อมโยงบริการทั้งหมดของตัวเองเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนท์ประเภทรูป, วิดีโอ หรือข้อความ
2. ช่วยเหลือการทำธุรกิจในประเทศไทยทั้งธุรกิจขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ซึ่งในงานแถลงข่าวได้มีการเปิดวิดีโอสัมภาษณ์ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่ขยายธุรกิจได้เพราะการทำตลาดผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ส่วนในช่วงเย็น มีแขกรับเชิญอย่างเช่น ผู้ประกอบการแบรนด์เจ้คิว ปูม้านึ่ง ร่วมเสวนาเผยประสบการณ์การใช้เฟซบุ๊กทำตลาดในเมืองไทย กับเหล่าเอเยนซี่และลูกค้า เพื่อทำให้ภาพการใช้เฟซบุ๊กเพื่อทำธุรกิจชัดเจนขึ้น
ส่วนเรื่องที่ผู้บริหารถูกกระหน่ำถามอย่างหนักว่า ออฟฟิศอยู่ที่ไหน กลับเป็นคำถามที่ตอบไม่ได้ แหล่งข่าวรายหนึ่งของ BrandBuffet วิเคราะห์ว่า เหตุผลที่ยังบอกไม่ได้ว่าสำนักงานใหญ่อยู่ที่ไหน น่าจะเป็นเพราะว่า “ยังไม่มี” แต่ใช้วิธีการเช่าออฟฟิศชั่วคราว ซึ่งด้วยภาพลักษณ์ของออฟฟิศระดับโลกจึงประกาศแบบนั้นไม่ได้ ประกอบกับเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กได้ประกาศรับสมัครตำแหน่ง Country Manager ในประเทศไทย ซึ่งในวันแถลงข่าวก็ยังคงไร้เงาผู้บริหารตำแหน่งนี้ เมื่อสอบถาม “แดน เนียรี่” ก็บอกได้แต่เพียงว่ายังอยู่ในขั้นตอนการว่าจ้าง ถึงแม้ว่าออฟฟิศจะยังไม่เต็มร้อย และยังไม่มีแม่ทัพใหญ่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่ก็เชื่อได้ว่าการทำงานจะเข้มข้นและเข้าถึงผู้ใช้งานทั้งส่วนบุคคลและภาคธุรกิจมากกว่าที่เคย จึงถือโอกาสเปิดตัวสำนักงานในประเทศไทย เพราะเฟซบุ๊กเองก็ต้องการรุกเข้าสู่โลกดิจิตอลในประเทศไทยอย่างเต็มตัว ในช่วงเวลาที่ Google เองเพิ่งปรับโครงการครั้งใหญ่ในองค์กร อาจเป็นอีกเหตุผลที่เฟซบุ๊กรู้สึกว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่จะลุยในประเทศไทยเต็มตัว
ในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า แน่ชัดแล้วว่า ประเทศไทยจะได้ใช้ 4G ในส่วนแนวโน้มของการใช้เฟซบุ๊กเองก็ระบุว่ามีผู้ใช้งานในประเทศไทยทั้งหมด 34 ล้านคน โดยใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือถึง 32 ล้านคน Mobile Device จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กเพิ่มจำนวนขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมการใช้งานที่ใช้วันละ 2.5 ชั่วโมงสูงกว่าสื่อโทรทัศน์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่ทำให้เฟซบุ๊กมั่นใจว่า จะเป็น Mobile Solution ให้กับผู้ประกอบการทุกระดับ