ภัยด้านความปลอดภัยคอมพิวเตอร์จากต่างประเทศที่คุกคามธนาคารในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ แสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงินไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการด้านความปลอดภัยเพื่อให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว The Open Computing Alliance หรือ OCA กล่าวภายในงานสัมมนาที่ร่วมจัดขึ้นกับสมาคมธนาคารไทย
สมาคมธนาคารไทยกำลังมองหาแนวทางสนับสนุนธนาคารไทยในการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี และกำหนดแนวทางที่ดีที่สุดในการปกป้องข้อมูลขององค์กรและข้อมูลของลูกค้าในอนาคต พร้อมกับการใช้งานระบบคลาวด์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“สภาพแวดล้อมของการทำงานทุกวันนี้ พนักงานธนาคารทำงานบนแอพลิเคชั่นต่างๆ ขององค์กรเองและเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญจากระบบเซิฟเวอร์ (On-premise) และระบบคลาวด์ผ่านอุปกรณ์ทุกประเภท ซึ่งทำให้มีโอกาสสูงที่จะเป็นการเปิดช่องทางให้กับกับการโจมตีทางไซเบอร์” นายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย กล่าว “เมื่อปีที่แล้วเราพบว่า อาชญากรไซเบอร์ยุคนี้มีเชี่ยวชาญอย่างมากและสามารถโจมตีเป้าหมายได้จากทุกที่ทุกเวลาทั่วโลก ดังนั้นธนาคารจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านความปลอดภัยและปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยด้วย”
“อุปกรณ์เคลื่อนที่และคลาวด์คอมพิวติ้งทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาล ข้อมูลลับ ข้อมูลเชิงวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึก ซึ่งสามารถเปลี่ยนการคาดเดาให้กลายเป็นข้อมูลที่มีแนวโน้มการนำไปสร้างประโยชน์ให้แก่ธุรกิจได้จริง และท้ายที่สุดก็จะนำมาสู่ผลกำไรของบริษัท ดังนั้นโจทย์ทางธุรกิจทุกวันนี้จึงไม่ใช่แค่ว่า เราควรจะย้ายข้อมูลไปยังระบบคลาวด์หรือไม่ แต่ควรตั้งคำถามว่าเราจะย้ายข้อมูลไประบบคลาวด์ได้อย่างไรจึงจะเกิดความคุ้มค่าด้านการลงทุนสูงสุดโดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด” มร. ไมเคิล มัด เลขาธิการ The Open Computing Alliance กล่าว
“ภัยคุกคามแบบใหม่ การโจมตีรูปแบบใหม่และเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา” มร. มัดด์ กล่าว “ปัจจุบันองค์กรธุรกิจสามารถเลือกได้ว่าจะใช้เงินลงทุนมหาศาลในการสร้างแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย คล่องตัวและครบวงจรของตนเอง หรือยกความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไปให้ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ที่เชื่อถือได้ และอยู่ในธุรกิจการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบ และเป็นผู้คาดการณ์เกี่ยวกับภัยคุกคามใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าจะมีลักษณะอย่างไรและมีวิธีการป้องกันและตอบโต้ต่อภัยคุกคามเหล่านั้นอย่างไร”
หลักฐานที่ยืนยันว่าคลาวด์คอมพิวติ้งช่วยปกป้องธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ โดยนอกเหนือจากการป้องกันภัยอาชญากรไซเบอร์ที่ดีขึ้นแล้ว โดย ประมาณ 1 ใน 4 ของบริษัท 23,000 รายในญี่ปุ่น ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว และสึนามิเมื่อปีพ.ศ. 2555 ไม่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ โดยมีปัจจัยสำคัญคือการสูญเสียข้อมูลและสิ่งจำเป็นพื้นฐาน เช่น ข้อมูลบัญชี องค์ความรู้ และข้อมูลของลูกค้า เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น หากบริษัทเหล่านี้ใช้ระบบคลาวด์ ซึ่งสามารถกลับมาช่วยให้บริษัทฟื้นฟูกิจการได้ทันทีหลังจากผ่านพ้นความเสียหายจากการสูญเสียพนักงานและโรงงาน มร. มัดด์ กล่าว
“ผู้ให้บริการระบบสารสนเทศความปลอดภัยอาจจะเป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์ที่ดีที่สุดสำหรับธนาคาร และเป็นผู้พลิกโฉมหน้าเกมการแข่งขันในโลกธุรกิจการธนาคารด้วยการนำประสิทธิภาพของอินเทอร์เน็ตมาช่วยยกระดับการดำเนินธุรกิจและการป้องกันการรักษาความปลอดภัยของธนาคาร” มร. มัดด์ กล่าว เทคโนโลยีคลาวด์ช่วยให้ธนาคารสามารถลดความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับอาชญากรรมไซเบอร์และภัยพิบัติทางธรรมชาติ และมอบหน้าที่จัดการความเสี่ยงนี้ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของระบบคลาวด์ ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถมุ่งเน้นไปที่ความชำนาญหลักแทนที่จะต้องกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะถูกภัยคุกคามจากโลกไซเบอร์ซุ่มโจมตี จึงกล่าวได้ว่าคลาวด์คอมพิวติ้งให้ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจสำหรับธนาคารและลูกค้า”