HomePR Newsบลูสโคป ไลสาจท์ ฉลองความสำเร็จ 50 ปีในอาเซียน ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ระบบหลังคาสำหรับที่อยู่อาศัย ( Residential Roofing Solutions) ในตลาดเมืองไทย [PR]

บลูสโคป ไลสาจท์ ฉลองความสำเร็จ 50 ปีในอาเซียน ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ระบบหลังคาสำหรับที่อยู่อาศัย ( Residential Roofing Solutions) ในตลาดเมืองไทย [PR]

แชร์ :

Bluescopeเอ็นเอส บลูสโคป ไลสาจท์ ฉลองครบรอบ 50 ปี ของการดำเนินธุรกิจในอาเซียน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการผลิต จำหน่ายและติดตั้งผลิตภัณฑ์แผ่นผนังและหลังคาเหล็กคุณภาพสูงที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง รวมถึงโครงสร้างอาคารเหล็กที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจ พร้อมต่อยอดความสำเร็จในการทำตลาดเมืองไทยในปีนี้ โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ นวัตกรรมระบบหลังคา LYSAGHT® 360 SEAM™ และ LYSAGHT® 360 SELECT SEAM™ ตอบโจทย์งานออกแบบสถาปัตยกรรมยุคใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัย

นายสมเกียรติ  ปินตาธรรม ประธานบริษัท เอ็นเอส บลูสโคป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี ที่เอ็นเอส บลูสโคป ไลสาจท์ ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจด้านการผลิต และให้บริการโซลูชั่นแผ่นหลังคา ผนัง  เมทัลชีทและแผ่นพื้น ระบบโครงสร้างหลังคาและผนัง รวมถึงอาคารสำเร็จรูปเอนกประสงค์ในตลาดอาเซียนครอบคลุม 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กสำหรับอาคารที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในอาเซียน นอกจากนี้ บริษัทฯยังเป็นผู้บุกเบิกด้านการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ลงทุนก่อตั้ง Lysaght Product Innovative Centre (Lysaght PIC) ขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อดำเนินงานด้านการวิจัย ค้นคว้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมสำหรับตลาดในภาคพื้นอาเซียนอีกด้วย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

สำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย นายสมเกียรติ กล่าวว่า เอ็นเอส บลูสโคป ไลสาจท์ ประเทศไทย ได้เริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ.2531โดยก่อตั้งโรงงานผลิตและสำนักงานขายแห่งแรกที่จังหวัดปทุมธานี นำร่องทำตลาดผลิตภัณฑ์เมทัลชีทสำหรับใช้เป็นวัสดุทดแทนกระเบื้องมุงหลังคาแบบเดิม เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ ด้วยคุณภาพของสินค้าระดับโลก มาตรฐานการให้บริการที่ดี และความรับผิดชอบต่อสังคม ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันได้มีการขยายฐานการผลิตและสำนักงานขายอยู่ทั่วภูมิภาค โดยมีโรงงานผลิตใน 3 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี ระยอง และขอนแก่น และสำนักงานขาย 4 แห่ง ได้แก่ ปทุมธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ และสงขลา

ทางด้าน นายธีรชัย จันทร์สกุล ประธานบริษัท เอ็นเอส บลูสโคป ไลสาจท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของ เอ็นเอส บลูสโคป ไลสาจท์ ประเทศไทยว่า บริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิต จำหน่ายและติดตั้งเหล็กคุณภาพสูงที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง รวมถึงโครงสร้างอาคารเหล็กชั้นนำของไทย ที่มีสินค้าและบริการที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ หลังคาและผนังเมทัลชีท (Roofing and Walling) ซึ่งมีความแข็งแรงคงทน น้ำหนักเบา ประสิทธิภาพการระบายน้ำที่ดี การติดตั้งที่รวดเร็วปลอดภัย รวมถึงสามารถตอบสนองการออกแบบที่หลากหลายและทันสมัย

โครงสร้างอาคาร (Structural) ภายใต้ชื่อแบรนด์ Lysaght® ZED&CEE purlin and girt และ Lysaght® W-Decking ซึ่งมีประสิทธิภาพคงทนและสมรรถนะที่เหนือกว่า สามารถติดตั้งได้รวดเร็วและปลอดภัย ภายใต้มาตรฐานการออกแบบจากโปรแกรมที่ถูกต้องแม่นยำ และ ผลิตภัณฑ์โครงหลังคาเหล็กสำเร็จรูป SMARTRUSS®  ซึ่งผลิตจากวัสดุเหล็กรีดเย็นที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม น้ำหนักเบา แข็งแรงคงทน พร้อมระบบการติดตั้งที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบรูปแบบได้ง่าย ถูกต้องแม่นยำ ทำให้ลดความเสียหาย และความสิ้นเปลืองจากการเสียเศษที่เกิดขึ้นหน้างาน

ในส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของ เอ็นเอส บลูสโคป ไลสาจท์ ประเทศไทย ในปีนี้ นายธีรชัย เปิดเผยว่า จะมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด และยกระดับการให้บริการด้านการติดตั้งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนำร่องภายในงานสถาปนิก’59 ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมระบบหลังคา LYSAGHT® 360 SEAM™ และ LYSAGHT® 360 SELECT SEAM สำหรับงานที่อยู่อาศัย เพื่อตอบสนองการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย เรียบ หรูหรา และมีเอกลักษณ์ โดยมีคุณสมบัติการใช้งานที่โดดเด่น ทำให้ผู้พักอาศัยหมดความกังวลในเรื่องของความร้อน และเสียงรบกวน หมดปัญหาเรื่องหลังคารั่ว ด้วยระบบหลังคาแบบ Seaming อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานการทำความเย็นภายในบ้านอีกด้วย

บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเอ็นเอส บลูสโคป ไลสาจท์ ทำให้เชื่อมั่นว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดในด้านการนำเสนอนวัตกรรมสินค้า และการให้บริการใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ โครงการราชการ รวมถึงที่อยู่อาศัย ได้อย่างแน่นอน


แชร์ :