ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณา (Advertising Industry) ปี 2556 ธุรกิจโฆษณาผ่านสื่อประเภทต่างๆจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยมีมูลค่าตลาด 129,880 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10 จากปี 2555 ซึ่งมีมูลค่าตลาด 117,760 ล้านบาท สอดคล้องตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและการแข่งขันที่รุนแรงของผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มธุรกิจ นอกจากนี้ยังคาดการณ์อุตสากรรมโฆษณาอื่นๆ ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มอุปโภคบริโภค ยานยนต์ และสื่อสาร ใช้งบโฆษณาสูง
ธุรกิจโฆษณามีบทบาทเป็นตัวกลางสื่อสารข้อมูลจากผู้ผลิตสินค้าและบริการไปยังผู้บริโภคผ่านช่องทางต่างๆ โดยเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2555 ที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นปีที่ดีสำหรับธุรกิจโฆษณา กล่าวคือ ไม่มีปัจจัยลบมากระทบ และยังมีปัจจัยเกื้อหนุนในแต่ละกลุ่มธุรกิจ โดยข้อมูลจาก บริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ประเทศไทย จำกัด พบว่า ณ สิ้นปี 2555 ธุรกิจโฆษณามีมูลค่าตลาดถึง 117,760 ล้านบาท เมื่อพิจารณาตามกลุ่มธุรกิจ พบว่า กลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนมูลค่าโฆษณาสูงที่สุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค มีสัดส่วนร้อยละ 42 ของมูลค่าตลาดโฆษณาโดยรวม กลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนมูลค่าโฆษณารองลงมา ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ มีสัดส่วนร้อยละ 8 ของมูลค่าตลาดโฆษณาโดยรวม ในส่วนของกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนมูลค่าโฆษณาอันดับสาม ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร มีสัดส่วนร้อยละ 6 ของมูลค่าตลาดโฆษณาโดยรวม นอกจากนี้ ยังมีงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานภาครัฐที่มีสัดส่วนร้อยละ 6 ของมูลค่าตลาดโฆษณาโดยรวมเช่นกัน
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมที่จะผลักดันให้ตลาดธุรกิจโฆษณาเติบโตในปี 2556 ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สินค้าอุปโภคและบริโภค ยานยนต์ และสื่อสาร โดยได้ประเมินปัจจัยเกื้อหนุนให้ธุรกิจโฆษณาเติบโต ในแต่ละอุตสาหกรรม ดังนี้
กลุ่มธุรกิจ | ปัจจัยเกื้อหนุน |
สินค้าอุปโภคและบริโภค |
|
ยานยนต์ |
|
สื่อสาร |
|
2. จับตา การเติบโตของสื่อทางเลือก และการเปิด AEC
– การเติบโตของสื่อทางเลือก
ความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ได้ส่งผลให้เกิดทางเลือกในการใช้สื่อโฆษณาที่หลากหลายประเภทมากขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในปี 2556 ธุรกิจโฆษณาผ่านสื่อประเภทต่างๆจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยมีมูลค่าตลาด 129,880 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10 จากปี 2555 ซึ่งมีมูลค่าตลาด 117,760 ล้านบาท สอดคล้องตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและการแข่งขันที่รุนแรงของผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มธุรกิจ โดยโทรทัศน์ยังคงเป็นสื่อหลักที่มีมูลค่าโฆษณาสูงที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57 ของมูลค่าตลาด ในขณะที่สื่อทางเลือกอื่นๆ ได้แก่ สื่อในโรงภาพยนตร์ สื่ออินสโตร์ สื่อโฆษณาเคลื่อนที่ และสื่ออินเทอร์เน็ต จะมีการเติบโตสูง โดยคาดว่า สื่อในโรงภาพยนตร์เติบโตร้อยละ 30 สื่ออินสโตร์เติบโตร้อยละ 30 สื่อโฆษณาเคลื่อนที่เติบโตร้อยละ 15 และสื่ออินเทอร์เน็ตเติบโตร้อยละ 50สอดคล้องตามความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีและวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
– การเปิด AEC
เอเยนซี่โฆษณา และโปรดักชั่น เฮ้าส์ ของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในวงการโฆษณาในระดับนานาชาติ ดังจะเห็นได้จากการได้รับรางวัลการประกวดผลงานโฆษณาในเวทีต่างๆทั่วโลก โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การเปิด AEC จะเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการในธุรกิจโฆษณาจะสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งเศรษฐกิจในประเทศเริ่มเติบโต ประชาชนเริ่มมีกำลังซื้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจโฆษณาในประเทศดังกล่าวมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้ การเปิด AEC ยังส่งผลดีสำหรับเอเยนซี่โฆษณา และโปรดักชั่น เฮ้าส์ ของประเทศไทย ในด้านความสะดวกในการจัดหาหรือนำเข้าอุปกรณ์สำหรับการถ่ายทำโฆษณาจากต่างประเทศ ตลอดจนสามารถการสร้างเครือข่าย และมีการร่วมทุนกับประเทศต่างๆในอาเซียนได้อย่างสะดวกมากขึ้น
3. ผู้ขายโฆษณา ผู้ซื้อโฆษณา เอเยนซี่ และโปรดักชั่น เฮ้าส์ ปรับกลยุทธ์รับการเปลี่ยนแปลง
จากประเด็นการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจโฆษณาเป็นปัจจัยสำคัญให้ผู้เล่นสำคัญในตลาดโฆษณา ต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอบโจทย์ลูกค้า สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินแนวโน้มการปรับกลยุทธ์ของผู้เล่นหลักในตลาดธุรกิจโฆษณา ในปี 2556 ดังนี้
ผู้เล่นหลัก | การปรับกลยุทธ์ |
ผู้ขายโฆษณา |
|
ผู้ซื้อโฆษณา |
|
เอเยนซี่โฆษณา และโปรดักชั่น เฮ้าส์ |
|
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกำหนดการเติบโตของธุรกิจโฆษณาได้แก่ ความสามารถในการรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจาก ธุรกิจโฆษณาเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสอดคล้องตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยหากในปี 2556 นี้ ประเทศไทยมีความสามารถในการรักษาระดับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจไว้ได้ โดยไม่มีปัจจัยลบมากระทบ รวมถึงมีปัจจัยหนุนในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ธุรกิจโฆษณาก็จะสามารถเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ในทางกลับกัน หากมีปัจจัยลบมากระทบ ดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนทางการเมือง เหตุการณ์จลาจล ภัยธรรมชาติ ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เป็นเหตุให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นและนำมาซึ่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าและบริการ ผู้ประกอบการก็จำเป็นต้องลดต้นทุนในส่วนของงบประมาณในการโฆษณา หรือชะลอการโฆษณาออกไป ส่งผลให้ธุรกิจโฆษณาอาจไม่สามารถเติบโตตามที่ได้คาดการณ์ไว้
ในปี 2555 ที่ผ่านมา การเติบโตของเคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมที่สามารถเจาะตลาดได้กว่าร้อยละ 60 ของตลาดโทรทัศน์โดยรวม ได้เป็นปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้สื่อโฆษณาทางโทรทัศน์สำหรับผู้ประกอบการ โดยเป็นสื่อทางเลือกที่ผู้ประกอบการสามารถใช้โฆษณาสินค้าและบริการได้ในต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก อีกทั้งยังสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนมากขึ้น สำหรับในปี 2556 นี้ การเข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอล จะเป็นหนึ่งประเด็นสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณากรอบระยะเวลาการประมูลทีวีดิจิตอลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ได้กำหนดให้มีการประมูลทีวีดิจิตอลในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ปี 2556 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในช่วงปีปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557 นี้ จะเริ่มมีการเปลี่ยนผ่านจากทีวีอะนาล็อกไปสู่ยุคทีวีดิจิตอล ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้สื่อโฆษณาทางโทรทัศน์อีกครั้ง โดยการเข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอลซึ่งมีจำนวนช่องสัญญาณที่มากขึ้นในอนาคตนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ขายโฆษณามีโอกาสได้เข้ามาในตลาดจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในฐานะผู้ซื้อโฆษณา มีทางเลือกในการใช้ช่องโฆษณาทางโทรทัศน์ที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย จึงส่งผลให้ค่าโฆษณามีราคาถูกลง เมื่อเปรียบเทียบกับค่าโฆษณาทางฟรีทีวีในปัจจุบันที่อยู่ในระดับสูงมาก