ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในวันนี้ มีเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยให้การทำกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยเจอของที่ต้องการ แต่มีเงินสดไม่พอแถมยังไม่มีตู้ ATM ใกล้ๆ ทำให้ต้องพลาดของที่เล็งไว้ไปอย่างน่าเสียดาย หรือเคยลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้าน ทำให้ชีวิตวันนั้นไม่สะดวกสบายอย่างที่เคย ดังนั้นคงจะดีไม่น้อย หากมีวิธีการใช้จ่ายที่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิตอล
ล่าสุด วีซ่าเปิดตัวแคมเปญ “Visa is now อนาคตเริ่มแล้ววันนี้” เทคโนโลยีเพื่อการจับจ่ายที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้ง่าย และสะดวกสบายกว่า ให้คุณเต็มที่กับการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ หมดปัญหาเรื่องการใช้จ่ายแบบเดิมๆ เพื่อทำความรู้จักแคมเปญนี้ให้มากขึ้นผ่านเทคโนโลยี 3 รูปแบบที่จะช่วยให้การจับจ่ายอิสระและคล่องตัวกว่าที่เคย คุณไมค์ สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย จะมาให้คำตอบผ่านบทสัมภาษณ์นี้
อยากให้อธิบายคำว่า Visa is now ?
โลกและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราต้องปรับตัวให้ทัน ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยให้การจ่ายเงินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว เพื่อให้การใช้ชีวิตโดยรวมดีขึ้น
โดยทุกวันนี้เราสามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและสะดวกที่สุดในทุกๆ วัน ตั้งแต่ของชิ้นเล็กไปถึงชิ้นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟซักแก้วตอนเช้า รองเท้าคู่โปรด ของขวัญสำหรับคนรัก หรือแม้กระทั่งทริปท่องเที่ยวในวันหยุดของครอบครัว เพื่อชีวิตที่สะดวกสบายกว่า ไม่ถูกลิมิตด้วยกฎเกณฑ์เดิมๆ
ให้เช้าของคุณง่ายกว่าที่เคย Visa payWave แค่แตะ จ่าย ก็จบ
#VISAISNOW #อนาคตเริ่มแล้ววันนี้
ซื้ออะไรที่เป็นตัวคุณ รวดเร็วทันใจ แค่แตะแล้วจ่ายด้วยบัตรวีซ่าผ่านสมาร์ทโฟน
#VISAISNOW #อนาคตเริ่มแล้ววันนี้
ปลอดภัย ไม่ว่าจะใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าที่ไหน ก็ไม่ให้อะไรเป็นอุปสรรค
#VISAISNOW #อนาคตเริ่มแล้ววันนี้
ช่วยอธิบายถึง วิธีการใช้จ่ายทั้ง 3 รูปแบบ
เทรนด์ที่กำลังมาแรงมากในตอนนี้คือ Mobile Payment หรือการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งตอนนี้ใช้ได้แล้วในสมาร์ทโฟนซัมซุง จึงเป็นช่องทางใช้จ่ายที่สะดวกยิ่งขึ้น แค่แตะสมาร์ทโฟนที่เครื่องรับบัตรแล้วสแกนลายนิ้วมือก็จ่ายได้เลย ถ้าได้ลองจ่ายด้วยวิธีนี้จะรู้สึกว่าการใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก แค่ผูกบัตรวีซ่าเข้ากับสมาร์ทโฟน โดยหนึ่งเครื่องสามารถเก็บข้อมูลบัตรได้สูงสุดถึง 10 ใบ พร้อมทั้งต้องใช้ลายนิ้วมือสแกนยืนยันตัวตนทุกครั้งก่อนทำการใช้จ่าย จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ วีซ่ายังใช้นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยสำหรับ Mobile Payment โดยเฉพาะด้วย Visa Token Service (VTS) คือการใช้รหัสโทเค็นแบบใช้ครั้งเดียวในการชำระเงินแทนข้อมูลของผู้ถือบัตร โดยไม่ต้องเผยรายละเอียดบัญชีและเลขหน้าบัตร 16 หลัก
ต่อมาเป็นบัตร Visa payWave คือบัตรวีซ่าในรูปแบบที่รวดเร็วกว่า เพียงแค่แตะบัตร Visa payWave กับเครื่องอ่านบัตร ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็เสร็จ ไม่ต้องรอส่งบัตรให้พนักงานรูดแล้วรอเซ็นชื่อ จึงช่วยประหยัดเวลาในแต่ละวันได้ สามารถใช้ได้ที่ห้างสรรพสินค้าทั่วไป ร้านค้า และร้านอาหารมากมาย
สุดท้ายบัตรวีซ่าเดบิตและบัตรวีซ่าเครดิต ที่สามารถใช้แทนเงินสดได้ เพราะบัตรวีซ่าเป็นที่ยอมรับจากร้านค้าต่างๆ ทั่วโลก เมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศจึงไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากให้ยุ่งยากและเสี่ยงต่อการสูญหาย เพียงแค่พกแค่บัตรวีซ่าใบเดียวก็ทำให้การจับจ่ายสะดวกทุกที่ทุกเวลา
ปัจจุบันวีซ่ามีการเตรียมการยังไง กับสถานที่ที่จะรองรับวีซ่าแบบต่างๆนี้ เพื่อให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ผู้คน
ร้านค้าที่รองรับการใช้จ่ายรูปแบบเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้าแบรนด์ดัง ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าประเภทอื่นๆ เช่น แมคโดนัลด์ เดอะมอลล์ บิ๊กซี และล่าสุดกับ 7-Eleven ที่สามารถใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าได้แล้วที่กว่า 1,300 สาขาในตอนนี้ และกำลังขยายเพิ่มขึ้น เพื่อสนองความต้องการและช่วยให้การใช้จ่ายได้สะดวกมากที่สุด
นี่คือการนำเทคโนโลยีอนาคตมาช่วยในการใช้จ่าย ที่วีซ่าไม่เคยหยุดพัฒนา เพื่อตอบรับความต้องการในแต่ละวันของผู้คน และอนาคตก็เริ่มขึ้นแล้ววันนี้
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Visa is now และติดตามข่าวสารต่างๆได้ที่ www.visa.co.th และ facebook.com/VisaThailandTH